top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนniracha payyakul

กันแดด ไอเทมเด็ด รับลมหนาวเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟู

กันแดด ไอเทมเด็ด รับลมหนาวเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟู

แสงแดดมีส่วนทำให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายเรา รวมถึงมี UVA และ UVB ซึ่งอันตรายมากต่อชั้นผิวหนัง กันแดด ไอเทมเด็ด หากไม่ทาครีมกันแดดป้องกัน จะทำให้ร่างกายโดนรังสีแบบเต็มๆ มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งได้มากกว่าการทาครีมกันแดดปกป้องผิวไว้

รังสียูวีมีส่วนในการทำลายเซลล์ผิวหนัง บ่อนทำลายคอลลาเจนใต้ผิวหนัง และยังอันตรายถึงขั้นทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวได้รับความเสียหาย หากตากแดดบ่อยๆ โดยที่ผิวหนังไม่ได้รับการป้องกัน จะทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลงได้

การออกแดดนานๆ จะทำให้ผิวไหม้จากแสงแดดเผาได้ การทาครีมกันแดด จะช่วยลดการแสบไหม้ และโอกาสการลอกของผิวลดน้อยลง หากต้องตากแดดนานๆ แนะนำให้ทาครีมกันแดดย้ำทุกๆ 2 ชั่วโมงเพื่อคงประสิทธิภาพการทำงานของครีมกันแดด



ทำไมหน้าเราต้องลงกันแดด

ในแสงแดด สิ่งที่เป็นอันตรายต่อผิวนั่นก็คือ รังสียูวี (UV หรือ Ultraviolet) หากผิวหนังโดนทำร้ายเป็นประจำจากรังสียูวี ก็อาจทำให้ผิวหนังมีความหมองคล้ำ ดำไหม้ หยาบกร้าน เกิดรอยเหี่ยวย่น หรืออาจรุนแรงถึงเป็นมะเร็งผิวหนังเลยทีเดียว ดังนั้นการทาครีมป้องกันแดดเป็นประจำก่อนออกจากบ้านเป็นสิ่งจำเป็นและต้องใส่ใจมากเลยทีเดียว เพื่อให้ผิวได้รับการป้องกันจากรังสียูวี

กันแดดป้องกันผิวจากแสงแดดทำงานอย่างไร

ก่อนอื่นเลยเราต้องมาทำความรู้จักก่อนว่า โลชั่นป้องกันแสงกันแดดมีหลักการทำงานซึ่งหลักการทำงานก็แบ่งออกเป็น 2 แบบ นั่นก็คือ

  • แบบดูดซับรังสี

กันแดดชนิดนี้จะมีสารกันแดดที่มีคุณสมบัติในการดูดซับรังสีแล้วเปลี่ยนสภาพให้เป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่รังสี ซึ่งหลักการนี้จะเป็นวิธีการดูดรังสียูวีเข้ามาในตัวสารกันแดด จากนั้นสารกันแดดจะเปลี่ยนสภาพรังสียูวีให้กลายเป็นความร้อนเข้าสู่ผิวหนังแทน ทำให้ผิวไม่โดนรังสียูวี และปลอดภัยจากอันตรายที่อาจเกิดจากยูวีได้นั่นเอง

  • แบบสะท้อนรังสี

กันแดดประเภทนี้จะมีสารกันแดดที่มีคุณสมบัติในการสะท้องรังสี ซึ่งหลักการจะเป็นการสะท้อนรังสีออกไปจากผิว โดยสารกันแดดที่เคลือบอยู่บนผิวจะทำหน้าที่คล้ายๆ เกราะป้องกันรังสีไม่ให้เข้าสู่ผิวหนังได้ ทำให้ผิวหนังปลอดภัยจากรังสียูวี

ครีมกันแดดสามารถป้องกันผิวได้ แต่โดยทั่วไปแล้วกันแดดสามารถทำงานได้ 2-3 ชั่วโมงหลังจากที่ทาเสร็จ ทำให้เราต้องทาครีมซ้ำระหว่างวัน เพื่อให้การป้องกันเป็นไปอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

หลายคนอาจละเลยแสงแดดในช่วงเช้าและช่วงเย็น เพราะคิดว่าไม่มีแสงแดดหรือแสงแดดน้อย ก็เลยไม่ทาโลชั่นกันแดดในช่วงเวลานี้ ซึ่งต้องขอบอกเลยว่า ถึงแม้ช่วงเช้าและเย็นจะมีแสงแดดน้อย แต่รังสีที่เรามองไม่เห็นยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเราไม่ทากันแดด รังสีก็จะมาทำร้ายผิวได้โดยตรง ซึ่งอาจทำร้ายและเป็นอันตรายต่อผิว รวมถึงการทำงานในร่มก็ควรทากันแดดด้วยเช่นกันเนื่องจากรังสียูวีมีอยู่ในแสงไฟนีออน และบางครั้งรังสีอาจหักเหเข้ามาจากทางหน้าต่าง ประตู หรือช่องต่างๆ ได้ ซึ่งการใช้ กันแดด ให้เหมาะสม


การทาครีมกันแดดทุกวัน จะช่วยรักษาคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิว คงความยืดหยุ่นและลดปัญหาผิวเสีย หรือแก่กว่าวัย ซึ่งเกิดจากแสงแดดที่มาทำลายชั้นผิว การทาครีมกันแดดเป็นการป้องกันผิว และลดการเกิดริ้วรอยอีกด้วย ลดการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำต่างๆ ก็เป็นอันตรายต่อร่างกายเช่นกัน เพราะเป็นต้นกำเนิดของมะเร็งผิวหนังได้ การทาครีมกันแดด จะช่วยป้องกันชั้นผิวได้เช่นกัน

ผิวของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน การเลือกซื้อครีมกันแดดมาใช้จึงต่างกันไปด้วย ถ้าเป็นคนผิวมันอยู่แล้วยังไปเลือกใช้ครีมกันแดดที่มันหรือมีค่า SPF สูง ๆ ก็จะยิ่งทำให้ไม่อยากทาครีมกันแดด และยังอาจทำให้เกิดสิวอุดตันได้ด้วย ดังนั้นการเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าผิวแห้งมากก็อย่าใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือถ้าเป็นคนผิวแพ้ง่าย ก็ยิ่งต้องเลือกมากหน่อยเป็นพิเศษ

ประเภทของครีมกันแดด

  • ครีมกันแดดชนิดเคมี (Chemical sunscreen) เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่ทำหน้าที่ในการปกป้องแสงแดด ด้วยการดูดซับรังสีเข้าผิวหนังแล้วเปลี่ยนเป็นความร้อน เพื่อป้องกันไม่ให้แสงผ่านลงในชั้นผิวหนังได้ (เนื้อครีมจะเป็นข้น ๆ น้ำนมเหมือนเนื้อครีมทั่วไป ซึมซับได้ง่าย) ซึ่งหลังจากโดนแดดสักพัก สารเคมีเหล่านี้ก็จะเสื่อมสภาพ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราต้องทาครีมกันแดดทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง สารป้องกันแดดประเภทนี้บางชนิดจะดูดซับได้เฉพาะรังสี UVA หรือ UVB หรือทั้งสองอย่าง สารเคมีที่ใช้ผสมในครีมกันแดด คือ Panimate O, Bensophenone, Cinnamates, Antranilate, Homosalate และ Oxybenzene ซึ่งครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมีในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังได้ง่ายขึ้นด้วย โดยเฉพาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่าย

  • ครีมกันแดดชนิดกายภาพ (Physical sunscreen) จะมีส่วนผสมของสารที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ที่ตกกระทบให้ออกไปจากผิวหนังได้ ซึ่งสารในกลุ่มนี้จะมีผลระคายเคืองต่อผิวหนังน้อยกว่าสารในกลุ่มแรก แต่ข้อเสียของครีมกันแดดประเภทนี้คือจะไม่สามารถให้ค่า SPF ที่สูงได้ เนื้อครีมจะไม่ละเอียดมากนักหรืออาจเป็นขุยหน่อย ๆ คล้ายกับมีแป้งผสมเพราะเป็นเหมือนรองพื้นในตัวได้ด้วย และเมื่อนำมาทาบนผิวหนังแล้วจะทำให้ดูวอกหรือดูขาวมากจนเกินไป (เนื่องจากสารจะเคลือบบนผิวหนังชั้นบนเพื่อรอแสงมากระทบ จึงมีการดูดซึมสู่ผิวน้อย) อีกทั้งยังล้างออกได้ยากอีกด้วย

  • ครีมกันแดดชนิดผสม (Chemical-Physical sunscreen) เป็นแบบผสมที่ช่วยเสริมข้อดีและลดข้อด้อยในแต่ละส่วน นั่นคือ ลดการระคายเคืองต่อผิวหนังจากสารเคมี ลดความขาวเมื่อทาครีม และช่วยเสริมประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดร่วมกัน

ค่า SPF คือ ค่าความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีบี (UVB) ระบุค่าความสามารถเป็นตัวเลข

  • อยู่ในที่ร่มก็อาจจะใช้ SPF 15 คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากอาการไหม้แดด มากกว่าผิวปกติ 15 เท่า ความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีบี (UVB) ได้ 93.3%

  • หากอยู่ที่กลางแจ้งอาจใช้ที่ SPF 30 คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากอาการไหม้แดด มากกว่าผิวปกติ 30 เท่าความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีบี (UVB) ได้ 96.7%

  • หากไปเที่ยวแถบชายทะเลอาจใช้ที่ SPF 50 คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากอาการไหม้แดด มากกว่าผิวปกติ 50 เท่าความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีบี (UVB) ได้ 98%


ค่า PA คือ ค่าระดับความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ (UVA) ระบุค่าความสามารถเป็นจำนวนเครื่องหมายบวก (+)

  • PA + คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ ได้มากกว่าผิวปกติ 2-4 เท่า

  • PA ++ คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ ได้มากกว่าผิวปกติ 4-8 เท่า

  • PA +++ คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ ได้มากกว่าผิวปกติ 8-16 เท่า

  • PA ++++ คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ ได้มากกว่าผิวปกติ มากกว่า 16 เท่า

การเลือกใช้ครีมกันแดด ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ ค่า PA สูงสุด ควรเลือกใช้ตามความเหมาะสมจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันและการทำกิจกรรมกลางแจ้ง แต่ควรเลือกครีมกันแดดที่สามารถปกป้องผิวได้ทั้งจากยูวีเอ (UVA) และยูวีบี (UVB) โดยมีทั้งค่า SPF และ ค่า PA แสดงอยู่บนบรรจุภัณฑ์



ประโยชน์ของการครีมกันแดด เช่น ช่วยป้องกันผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวีในแสงแดด ป้องกันการเกิดริ้วรอย ช่วยไม่ให้ผิวหนังเหี่ยวย่นหรือดูแก่ก่อนวัย ผิวแห้งกร้าน ป้องกันการเกิดฝ้า กระ ปัญหาผิวคล้ำเสีย และมะเร็งผิวหนัง

แสงแดดจากดวงอาทิตย์ศัตรูตัวร้ายทำลายผิว ก่อให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้การตากแดดเป็นเวลานานอาจทำให้ผิวของคุณลอก หรือไหม้แดดและร้ายแรงไปถึงการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย ดังนั้นเราควรหลีกเลี่ยงการออกแดดจัดเป็นเวลานาน หรือถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องออกแดดก็ควรเลือกทา ครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิว เพื่อปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด โดยเฉพาะครีมกันแดดหน้า เพราะผิวหน้าของเราจะไวต่อแสงแดดมากกว่าส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย


สาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวมักมาจากการทำความสะอาดผิวหน้าที่ไม่ดีพอ โดยเฉพาะสาวๆที่แต่งหน้าทุกวันหรือใช้เครื่องสำอางกันน้ำยิ่งต้องคำนึงถึงการล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้ง เพราะถ้าล้างเครื่องสำอางออกไม่หมดมีหวังสิวอุดตัน สิวอักเสบจะถามหาเอาได้งานนี้เราจึงขอนำเสนอคลีนซิ่งสำหรับคนเป็นสิวที่ช่วยล้างเครื่องสำอางได้เกลี้ยง เพื่อผิวหน้าที่สะอาดห่างไกลสิวมากขึ้นกันค่ะ

สิว หลังจากที่หายไปก็มักจะทิ้งร่องรอยแดงๆ ดำๆ เอาไว้ให้ช้ำใจอยู่เสมอ บีบสิว กดสิว ก็แล้ว ก็ยังไม่หาย แถมกลับมาเป็นซ้ำๆแถมทิ้งปัญหาผิว รอยสิว รักษา ให้จางลง เติมความชุ่มชื้นช่วยให้หน้านุ่มชุ่มชื่นขึ้นและช่วยในเรื่องของการลดรอยสิวได้ด้วย


 

อ่านเพิ่มเติม ได้ที่ กันแดด ไอเทมเด็ด

ติดตามอ่านบทความดีๆ ได้ที่ beautymustknow.com

กันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/ website : Kandabeauty.com

ดู 4 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comentarios


bottom of page