top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนniracha payyakul

ดูแลผิว บำรุงหน้า สูตรมาร์คหน้าแบบธรรมชาติ

ดูแลผิว บำรุงหน้า สูตรมาร์คหน้าแบบธรรมชาติ

ปัจจัยหลักที่ทำให้สีผิวแตกต่างกันคือเชื้อชาติและพันธุกรรม ดูแลผิว บำรุงหน้า สาวไทยโดยทั่วไปมีผิวเหลือง แต่ถึงยังไงก็ต้องยอมรับว่าเราก็อยากมีผิวขาว กระจ่างใส วันนี้ทางเราก็อยากจะแนะนำวิธีการบำรุงดูแลผิวด้วยสูตรจากธรรมชาติ เพราะการดูขาวใส สุขภาพดีบ่งบอกได้ถึงการดูแลผิวหน้าเป็นอย่างดี


เพื่อสุขภาพผิวหน้าที่ดี นอกจากเราจะต้องนอนเป็นเวลา ออกกำลังกาย ล้างหน้าให้สะอาด บำรุงผิว ควรหาเวลาว่างขัดถูขี้ไคลที่ฝังลึกตามผิวหนังออกไปบ้าง ทั้งผิวหน้าและผิวกาย สำหรับผิวหน้าให้ใช้สครับที่อ่อนโยนที่สุด เพื่อป้องกันอาการแพ้ ถูนวดวนเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า 5-10 นาที แล้วล้างออก จากนั้นล้างหน้าตามปกติ แล้วก็อย่าลืมนวดกดจุดบนใบหน้าด้วยเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบนผิวหน้า



การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

  • หลีกเลี่ยงการออกแดด ส่วนใหญ่สีผิวที่ดำขึ้นเกิดจากการสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) รังสีของดวงอาทิตย์ หากคุณอยากมีผิวที่ขาวอย่างเป็นธรรมชาติต้องเริ่มจากการอยู่ในที่ร่มให้มากขึ้น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้ทาครีมกันแดดที่มี SPFอย่างน้อย 30 ผิวหนังส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า SPF 15 ไม่เพียงพอที่จะป้องกันรังสี UVA และ UVB รังสีที่เป็นอันตรายซึ่งยังคงทำร้ายผิวของคุณ ซึ่งผิวคุณจะปลอดภัยก็ต่อเมื่อสามารถป้องกันรังสีได้เกิน 98% หรือการสวมหมวกเพื่อปกป้องใบหน้าของคุณเมื่อต้องออกแดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อนซึ่งมีหมวกแฟชั่นมากมายให้เลือกซื้อ ได้ทั้งป้องกันผิวหน้าและสวมใส่ตามแฟชั่นอีกด้วย

  • ขัดผิวบ้างอาทิตย์ละครั้ง การขัดผิวทำให้ผิวขาวขึ้นได้จริงๆ เริ่มตั้งแต่การการจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว โปรดทราบว่าการขัดเพียงแต่ช่วยให้เซลล์ผิวใหม่ได้ขึ้นมาแทนที่ ซึ่งอาจจะขาวขึ้นหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสีผิวเดิมของแต่ละคนด้วย สามารถขัดผิวด้วยตนเองโดยใช้ body scrubหรือโฟมล้างหน้าที่มีความละเอียดอ่อนมาก หรืออาจเพิ่มสูตรโดยการใส่อัลมอนด์หรือข้าวโอ๊ตลงในโฟมล้างหน้าของคุณ ใช้แปรงขัดหน้าซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยผลัดเซลล์ผิวในร่างกาย สำหรับใบหน้าของคุณให้ใช้แปรงพิเศษที่มีขนแปรงนุ่มที่ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อใบหน้า นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เช่น ฟองน้ำขัดผิว ถุงมือขัดผิว ที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวชั้นบน



  • ความเครียด ความเครียดก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวแย่ได้ทำลายและสร้างความแปรปรวนหลายระบบในร่างกาย โดยเมื่อเราเครียด ร่างกายจะผลิตฮอร์โมน Cortisol ออกมามากเกินไป ทำให้เกิดผลเสียได้ เช่น การนอนหลับ การขับถ่ายของเสีย สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังสุขภาพเสีย โดยเฉพาะผิวของเราที่อาจจะสูญเสียประสิทธิภาพในการคงความชุ่มชื้นไว้ ทำให้ผิวแห้ง และเมื่อผิวขาดความชุ่มชื้น ก็จะทำให้เกิดการผลิตความมันบนใบหน้ามากขึ้นตามมา และทำให้เกิดสิวในที่สุดนั่นเองค่ะ

  • การกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง เนื่องจากความหนืดของน้ำตาลจะไปขัดขวางการทำงานของเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวหมองคล้ำ มีริ้วรอยบนใบหน้า และการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูงยังช่วยเพิ่มไขมันไม่ดีเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ไขมันอุดตันทำให้เกิดสิวอักเสบได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ทางออกคือลดปริมาณการกินน้ำตาลลงเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพ

  • การนอนดึกหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนดึกเกินไปเป็นประจำและการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลเสียโดยตรงต่อผิวพรรณ เพราะในระหว่างที่เรานอนหลับช่วงระหว่าง 4 ทุ่ม-ตีสองจะเป็นช่วงที่ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่สร้างโปรตีน ที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย อีกทั้งยังช่วยผลิตคอลลาเจน กล้ามเนื้อและมวลกระดูก แต่เมื่อร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้อย่างไม่เต็มที่ทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส มีริ้วรอย ร่องลึกใบหน้าโทรมและดูแก่ก่อนวัยได้ ทางออกที่ดีคือนอนหลับก่อน 4 ทุ่มและหลีกเลียงความเครียดที่อาจส่งผลให้นอนไม่หลับ

  • ดื่มน้ำน้อย ไม่ออกกำลังกาย การดื่มน้ำน้อยจะทำให้ผิวเหี่ยวย่นและหยาบกร้าน เพราะความชุ่มชื่นมีไม่พอ การดื่มน้ำที่ดีควรดื่มอย่างต่ำวันละ 8 แก้ว เพื่อรักษาระบบภายในร่างกายและส่งผลให้ผิวพรรณดี การออกกำลังกายก็ช่วยให้มีเลือดสูบฉีดไปเลี่ยงที่บริเวณใบหน้าได้ดี ทำให้ผิวหน้ามีเลือดฝาด สวยอมชมพูดูสุขภาพดี

บำรุงหน้า สูตรมาร์คหน้าแบบธรรมชาติ

  1. มะขามเปียก การใช้มะขามเปียกมาขัดผิว เป็นเคล็ดลับหรือวิธีทำให้ผิวขาวอันดับแรกๆ ที่สาวๆ ทุกคนต้องรู้จัก สูตรง่ายๆ คือนำเอามะขามเปียก 1 กำมือมาคั้นผสมกับนมสด สัดส่วนที่เหมาะสมคือ 1 ถ้วย จากนั้นใส่น้ำผึ้งลงไปอีก 3 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันแล้วนำมาขัดวนในบริเวณที่ต้องการ ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วค่อยล้างออก สำหรับสูตรนี้แนะนำให้ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จึงจะเห็นผล เพื่อผิวที่ขาว กระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ มองแล้วไม่หลอกตาเหมือนใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารเคมีแน่นอน

  2. น้ำมะนาว น้ำมะนาวช่วยให้ผิวขาวได้เป็นอย่างดีเพราะมีกรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA) ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารขัดผิวและเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว เพียงทาที่ผิวจะช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นไม่ใช่แค่ที่บริเวณผิว แต่ยังลึกไปถึงใต้ผิวอีกด้วย กรดซิตริกในน้ำมะนาวยังสร้างเพิ่มที่ความเงางามชุ่มชื่นอีกด้วย(ถ้าคุณลโชมไปทั่วศีรษะจะทำให้ผมดูเงางามแล้วมีน้ำหนักมากขึ้น) เพียงแค่ใช้น้ำมะนาวราดผิว ผิวคุณก็จะขาวขึ้นช้าๆ โดยมีขั้นตอนดังนี้ผสมน้ำมะนาวกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1:1 เพื่อไม่ให้น้ำมะนาวเข้มข้นเกินไปจนอาจระคายเคืองผิวหรือเกิดอาการแสบ หรือคันผิวได้ ปล่อยทิ้งไว้ 20 นาทีจากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น จากนั้นหลีเลี่ยงการออกแดดเพราะน้ำมะนาวจะทำให้ผิวของคุณจะมีความไวต่อแสงแดด หลังจากนั้นทาครีมบำรุงผิวเพื่อกันไม่ให้สารที่ได้จากน้ำมะนาวซึมออกจากผิว ทำซ้ำสามครั้งต่อสัปดาห์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่อย่าทำบ่อยจนเกินไปเพราะจะทำให้ผิวเสีย

  3. ขมิ้นชัน การพอกด้วยขมิ้น ขมิ้นเป็นเครื่องเทศอินเดียที่ใช้ในการบำรุงผิว วิ อีกหนึ่งสูตรที่ไม่ควรมองข้ามเลยนั่นก็คือสมุนไพรขัดตัวอย่างขมิ้นชัน ด้วยวัตถุดิบที่หาง่ายตามท้องตลาดทั่วไป แถมวิธีทำก็แสนจะง่าย เพียงแค่นำขมิ้นไปขูดหรือบดให้ได้เป็นเนื้อละเอียด จากนั้นก็นำมาขัดผิวในบริเวณที่ต้องการจะบำรุงให้ขาวขึ้น ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที นอกจากวัตถุดิบนี้จะหาได้ง่ายแล้ว ยังเป็นวิธีทำให้ผิวขาวที่ช่วยลดอาการแพ้หรือการระคายเคืองได้ดี สามารถทำได้บ่อยเท่าที่ใจต้องการเลย ใช้เวลาทำติดต่อกันประมาณ 1 เดือน ผิวก็จะเริ่มขาวขึ้นอย่างสังเกตเห็นได้ชัด

  4. แตงกวา เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่มีส่วนช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้นได้ หากจะเอ่ยถึงการทำให้ผิวขาวจากธรรมชาติแล้วล่ะก็ แตงกวาถือว่าเป็นส่วนผสมยอดนิยมเลยทีเดียว เพราะสามารถหาได้ง่ายตามท้องตลาด สูตรพอกผิวด้วยแตงกวานั้นก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่นำมาล้างให้สะอาด ปอกเปลือกออก จากนั้นหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปปั่นให้ละเอียด กรองเนื้อแตงกวาออก นำไปแช่ตู้เย็นจนได้ที่ จากนั้นนำมาขัดบนบริเวณผิวที่ต้องการ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีจึงค่อยล้างออก สำหรับวิธีนี้อีกหนึ่งข้อดีคือสามารถทำได้บ่อยถึงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หากสาวๆ ที่กำลังประสบปัญหาผิวหมองคล้ำอยู่ ใช้สูตรนี้รับรองว่าผิวจะค่อยๆ สว่าง กระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแน่นอน

  5. ว่านหางจระเข้ สารจากธรรมชาตินี้เป็นที่รู้จักในการช่วยรักษาอาการไฟไหม้ที่บริเวณผิว แต่ก็ยังมีสารที่เรียกว่าแอนทราควินโนนที่ช่วยให้ผิวขาวขึ้นโดยการกำจัดชั้นผิวที่ตายแล้ว คุณจะพบว่านหางจระเข้เป็นส่วนผสมของครีมและโลชั่นอยู่มากมาย แต่วิธีที่ดีสุดในการใช้งานว่านหางจระเข้คือการใช้ว่านหางจรเข้แบบสดๆ



การดูแลตัวเองถือเป็นสิ่งสำคัญมากนอกการ บำรุงผิว ภายในสู่ภายนอกแล้วในยุคนี้จากสถานการณ์โควิด-19 เป็นเชื้อไวรัสที่อันตรายสามารถเผยกระจากผ่านทางอากาศได้การติดเชื้อไวรัสโคโรน่าในระบบทางเดินหายใจ (Respiratory Coronaviruses) อาจทำให้เกิดอาการไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ มีน้ำมูก เจ็บคอ ไอ โดยในทารกที่มีอาการรุนแรง อาจมีลักษณะของปอด อักเสบ (Pneumonia) หรือ หลอดลมฝอยอักเสบ (Bronchiolitis) และอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงได้มากในผู้สูงอายุหรือผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยพบการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการได้ในทุกอายุ และหากแสดงอาการมักพบร่วมกับการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจอื่นๆ

ในขณะนี้ โรคโควิด-19 ได้ระบาดไปทั่วโลกแล้ว

โรค COVID-19 (อ่านว่า โควิดไนน์ทีน ย่อมาจาก Corona Virus Disease 2019) กำหนดชื่อโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ไวรัส SARS-CoV-2 (อ่านว่า ซาร์สคอฟทู ย่อมาจาก Severe Acute Respiratory Syndrome Corona Virus 2) กำหนดชื่อโดยคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยอนุกรมวิธานของไวรัส ( ICTV ) โดยที่ช่วงแรกของการระบาด ใช้ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ เช่น ไวรัสอู่ฮั่น 2019-nCoV (2019 novel coronavirus หรือ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019) แต่มักจะเรียกกันว่า ไวรัสโควิด19

วิธีการการป้องกัน : - ออกกำลังกายสน่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอ - รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่ - ไม่คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย - แนะนำให้ผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัย ปิดปากปิดจมูกเวลา ไอ หรือจาม - ควรล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย ก่อนรับประทานอาหาร และหลังขับถ่าย หรือการใช้ เจลล้างมือ สเปร์ยแอลกอฮอร์ หรือผลิตภัณฑ์ที่มี แอลกอฮอล์ ฆ่าเชื้อโรคตั้งแต่70%ขึ้นไป

- ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่แออัด หรือที่ชุมชนสาธารณะที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อลดความเสี่ยงในการติดโรค เว้นระยะห่างจากกัยประมาณ 2 เมตร


โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยติดเชื้อที่เป็นโรคติดต่อ จะแพร่เชื้อเมื่อมีอาการ และแพร่เชื้อได้มากที่สุดในระยะที่อาการหนักที่สุดของโรคที่ไม่ใช่ผลแทรกซ้อนจากเหตุอื่นทั้งนี้ผู้ติดเชื้อที่มีอาการน้อยา อาจจะแพร่เชื้อได้บ้าง แต่น้อยกว่าการแพร่เชื้อในระยะที่ไม่มีอาการอาจเกิดขึ้นได้เล็กน้อย และมักจะอยู่ในระยะ 2-3 วันก่อนเริ่มมีอาการป่วย


เฝ้าสังเกตอาการของตัวเองทุกวัน สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โควิด การป้องกัน และพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดการแพร้่เชื้อโควิคแบบไม่รู้ตัว


 

อ่านเพิ่มเติม ได้ที่ ดูแลผิว บำรุงหน้า

ติดตามอ่านบทความดีๆ ได้ที่beautymustknow.com

กันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/ website : Kandabeauty.com

ดู 1 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page