ผิว ลอกไหม้ อาการที่ผิวของเรานั้นไหม้ รักษาได้
การสัมผัสถูกแสงแดดส่งผลให้ ผิว ลอกไหม้ เป็นโทษ แต่แสงแดดก็อาจเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย เนื่องจากมีส่วนช่วยในการสร้างวิตามินดีบำรุงกระดูก แต่อาจต้องสัมผัสในช่วงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น เพราะหากโดนแสงแดดจัดในเวลาอื่นๆ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมได้
ผิวสวยสุขภาพดีย่อมเป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา นอกจากการดูแล บำรุงผิว ด้วยสกินแคร์ สิ่งที่ควรให้ความสนใจไม่แพ้กันคงจะเป็นเรื่องการทำความสะอาดผิว การบำรุงผิวจากภายใน และการปกป้องผิวจากมลภาวะในทุกวัน ในบทความนี้จะมาแชร์เคล็ดลับการดูแลผิวกายอย่างเหมาะสมเพื่อผิวสวยสุขภาพดี
มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) หรือสารให้ความชุ่มชื้นเป็นสกินแคร์ที่จำเป็นต่อทุกสภาพผิว เพราะผิวที่ขาดความชุ่มชื้นมักมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาผิวได้ง่ายกว่า เช่น ผิวแพ้ง่าย ระคายเคือง เกิดริ้วรอย เป็นต้น นอกจากนี้ แม้แต่ในคนผิวมันก็มีความเสี่ยงที่ผิวจะแห้งได้เหมือนกัน มอยส์เจอไรเซอร์จึงจำเป็นอย่างยิ่งในการดูแลผิว แต่เพื่อป้องกันความมันส่วนเกินจึงควรเลือกเนื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจากน้ำและมีความบางเบาเป็นหลัก ในขณะที่คนผิวแห้งควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นมากขึ้น อย่างน้ำมันหรือเนื้อครีมที่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ ส่วนคนผิวผสมสามารถเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ทั้งสองชนิด หรืออาจเลือกผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผิวผสม
ประโยชน์ของ Moisturizer
การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้นที่มีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเป็นประจำก็อาจช่วยฟื้นฟูปัญหาผิว พร้อมบำรุงผิวให้มีสุขภาพดียิ่งขึ้นได้ เช่น ลดความแห้งกร้านของผิว ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนสม่ำเสมอและมีสัมผัสที่เนียนนุ่ม อีกทั้งยังอาจช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะได้อีกด้วย นอกจากนี้ ในผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นชนิดต่าง ๆ ยังอาจมีส่วนผสมอื่นที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวที่แตกต่างกันไปตามแต่ละผลิตภัณฑ์
วิธีเลือก Moisturizer ให้เหมาะสมกับสภาพผิว
สารให้ความชุ่มชื้นแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป ซึ่งการเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวก็อาจช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี โดยการเลือก Moisturizer ให้เหมาะกับสภาพผิว มีดังนี้
ผิวธรรมดาผิวธรรมดาเป็นผิวที่ไม่แห้งหรือมันจนเกินไป จึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อบางเบา ไม่มันจนเกินไป อย่างผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจากน้ำ น้ำมันชนิดบางเบา หรือซิลิโคน อย่างไซโคลเมทิโคน (Cyclomethicone) เป็นส่วนประกอบ เพื่อรักษาสมดุลของน้ำในผิว
ผิวแห้งคนผิวแห้งมักต้องที่ต้องใช้ Moisturizer อยู่เป็นประจำเพื่อชดเชยความบกพร่องของการผลิตน้ำมันเพื่อกักเก็บน้ำโดยธรรมชาติของผิว ซึ่งอาจช่วยลดรอยแดง อาการคัน แห้งแตก รวมทั้งริ้วรอยก่อนวัย ดังนั้น คนผิวแห้งหรือผิวที่น้ำมันน้อยจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นสูงหรือผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ
ผิวมันผิวมันเป็นสภาพผิวที่เสี่ยงต่อการเกิดสิวมากกว่าสภาพผิวแบบอื่น ๆ แต่ถึงอย่างนั้นผิวมันก็ยังคงต้องการความชุ่มชื้นไม่ต่างจากผิวแบบอื่น โดยเฉพาะหลังจากการล้างทำความสะอาดผิว โดยคนผิวมันควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทโลชั่นมากกว่าครีม เนื่องจากโลชั่นมีเนื้อบางเบา มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งจะช่วยให้ผิวไม่มันจนเกินไปและลดความเสี่ยงในการเกิดสิว นอกจากนี้ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
ผิวแพ้ง่ายผิวแพ้ง่ายเกิดได้กับคนทุกสภาพผิว จึงอาจเลือกใช้ Moisturizer ที่เหมาะกับสภาพผิวเดิมของตนเอง แต่ควรระวังสารหรือส่วนประกอบอื่น ๆ ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ สี สารกันเสีย สารผลัดเซลล์ผิว และสารก่อภูมิแพ้ เป็นต้น นอกจากนี้ อาจพิจารณาสารที่มีคุณสมบัติช่วยลดอาการแพ้ อย่างสารจากดอกคาโมไมล์หรือว่านหางจระเข้
ส่วนประกอบของ Moisturizer
โดยทั่วไป Moisturizer มักประกอบไปด้วยสาร 4 ชนิดหลัก ดังนี้
1.น้ำ
น้ำมักถูกใช้เป็นส่วนประกอบหลักของผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นทุกตัว หลายคนอาจคิดว่าร่างกายสัมผัสน้ำจากการอาบน้ำทุกวันผิวอาจจะไม่แห้ง ซึ่งแท้จริงแล้ว น้ำนั้นสามารถระเหยออกจากผิวได้ง่ายมาก อีกทั้งการล้างหน้าหรืออาบน้ำบ่อย ๆ โดยไม่ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ช่วยปกป้องผิว อาจทำให้ผิวแห้งมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ Moisturizer มักจะมีส่วนประกอบที่สามารถกักเก็บน้ำไว้ในผิวควบคู่ไปด้วย
2.สารฮิวเมกเตนท์ (Humectants)
สารฮิวเมกเตนท์ หรือ สารดูดความชื้น เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการดึงน้ำเข้าสู่ผิวหนังชั้นนอก โดยจะดึงน้ำที่ลอยอยู่ในอากาศและน้ำในชั้นผิวที่อยู่ลึกลงไป หลายคนอาจเคยได้ยินส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์สูตรรบำรุงผิวที่เป็นสารดูดความชื้น อย่างไกลเซอรีน (Glycerin) ไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic acid) และแพนทีนอล (Panthenol) หรือวิตามินบี 5 อย่างไรก็ตาม สารเหล่านี้มีคุณสมบัติในการดูดความชื้นเท่านั้น ไม่สามารถกักเก็บน้ำในผิวได้ จึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งสารฮิวเมกเตนท์และสารที่มีคุณสมบัติกักเก็บน้ำในผิว
3.สารกักเก็บน้ำในผิว (Occlusive)
Occlusive เป็นไขมันที่ผิวหนังดูดซึมไม่ได้ โดย Moisturizer ชนิดนี้จะเคลือบผิวชั้นนอกและป้องกันการระเหยของน้ำในผิว ช่วยให้ผิวไม่ขาดน้ำ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารไขมันแบบไม่ดูดซึม เช่น ปิโตเลียมเจลลี ไดเมธิโคน (Dimethicone) และผลิตภัณฑ์น้ำมันชโลมผิว เป็นต้น
4.สารที่ช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่ม (Emollients)
สารนี้มีคุณสมบัติที่นอกเหนือจากการช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เพราะเมื่อผิวชั้นนอกมีปริมาณน้ำในผิวน้อยอาจส่งผลให้เกิดผิวแห้งแตกและทำให้เกิดร่องระหว่างเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนเสมอกัน ซึ่ง Emollients จะช่วยเติมร่องผิวและเคลือบผิวด้วยชั้นไขมันบาง ๆ ที่จะช่วยให้ผิวดูนุ่มและเรียบเนียนขึ้น โดย Emollients สามารถแบ่งออกได้ 3 รูปแบบหลัก ได้แก่ ขี้ผึ้ง ครีม และโลชั่น
เพิ่มสารอาหารให้กับผิว
อาหารที่มีประโยชน์ไม่เพียงช่วยให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น แต่ยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวด้วย เช่น
ผักและผลไม้
ผักและผลไม้อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ทั้งวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ และใยอาหาร โดยสารอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยบำรุงร่างกายและผิวให้มีสุขภาพดี เช่น วิตามินซีจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนช่วยให้ผิวแข็งแรง ปกป้องผิวจากแสงแดด ชะลอการเกิดริ้วรอย หรือวิตามินอีช่วยต้านการอักเสบของผิว เพิ่มความชุ่มชื้น ป้องกันรังสียูวีที่เป็นสาเหตุของริ้วรอยและผิวแก่ก่อนวัย เป็นต้น ตัวอย่างของผักผลไม้ที่มีวิตามินและสารอาหารบำรุงผิวสูง ได้แก่ ส้ม มันหวาน มะเขือเทศ ถั่วเหลือง อะโวคาโด ผลไม้ตระกูลเบอรี่ บร็อคโคลี่ และผักใบเขียวชนิดอื่น ๆ
โอเมกาจากปลา
"โอเมกา" คือกลุ่มของกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวชนิดหนึ่ง ซึ่งจำเป็นต่อระบบการทำงานต่างๆ ภายในร่างกาย จัดเป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากการรับประทานอาหารอื่นๆ เช่น ปลา น้ำมันพืช ถั่ว เมล็ดพืชต่างๆ หรือผักใบเขียว เป็นต้น โดยเฉพาะปลาทะเลเป็นแหล่งของโอเมก้า 3 และโปรตีน โดยโปรตีนนั้นมีหน้าที่ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอและร่างกายจะเปลี่ยนโปรตีนเป็นกรดอะมิโนเพื่อใช้สร้างคอลลาเจนและเคราตินที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น จึงอาจช่วยป้องกันริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย รวมทั้งกรดอะมิโนบางชนิดยังอาจช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีได้ด้วย ส่วนโอเมก้า 3 เป็นไขมันดีที่มีสรรพคุณต้านการอักเสบของผิวหนังและร่างกาย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มน้ำและมีสุขภาพดี นอกจากนี้ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์บางชิ้นยังชี้ว่ากรดไขมันโอเมก้าอาจช่วยชะลอการเกิดของเซลล์มะเร็งผิวหนัง
แคลเซียม
"แคลเซียม" มีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะในระบบสรีรวิทยาของเซลล์ และการยืดหดตัวของกล้ามเนื้อ และยังเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายในการสร้างและรักษากระดูกและฟันให้มีความแข็งแรง อาหารที่มี "แคลเซียมสูง" จากธรรมชาติ ได้แก่ กลุ่มผักใบเขียว เช่น คะน้า บรอกโคลี กลุ่มนมหรือผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นมอัลมอนด์ นมถั่วเหลือง เต้าหู้ ไข่ไก่ โยเกิร์ต และกลุ่มอาหารจำพวกถั่วต่างๆ เช่น ถั่วขาว ถั่วแระ เมล็ดอัลมอนด์ และอาหารอย่าง ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ข้าวโอ๊ต เมล็ดงา และน้ำส้ม ถ้าร่างกายขาดแคลเซียม หรือมีอาการที่เรียกว่า ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติ (Hypocalcemia) นอกจากส่งผลต่อกระดูกแล้ว ยังทำให้ระบบการทำงานของร่างกายผิดปกติไปด้วย เราสามารถสังเกตได้จากลักษณะของเล็บที่มีความแห้ง เปราะ และแตกง่าย ในส่วนของกระดูกและฟัน
อย่างไรก็ตาม สรรพคุณของอาหารที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวของอาหารเหล่านี้เป็นเพียงผลลัพธ์จากการศึกษาวิจัยเท่านั้น จึงไม่สามารถยืนยันถึงประโยชน์ได้อย่างชัดเจน ดังนั้น ควรรับประทานอย่างเหมาะสมร่วมกับการดูแลผิวด้วยวิธีอื่นควบคู่กันไปด้วย
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการพักผ่อนที่เพียงพอจะส่งผลดีต่อร่างกายโดยรวม เมื่อร่างกายแข็งแรงจะทำให้ระบบต่าง ๆ ทำงานได้เป็นปกติ ซึ่งอาจส่งผลให้สุขภาพผิวดีขึ้นด้วย
ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม เพราะของเหลวจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ป้องกันอาการผิวแห้ง แตก และคันได้
ออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ทำให้เนื้อเยื่อภายในร่างกายและผิวหนังได้รับออกซิเจน น้ำ และสารอาหารอย่างเพียงพอ ส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
หลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะแสงแดดไม่เพียงทำให้ผิวคล้ำเสีย แต่ยังอาจทำให้ผิวไหม้ อักเสบ สูญเสียความชุ่มชื้น ผิวแก่ก่อนวัย และกระตุ้นสารอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของปัญหาผิวและโรคมะเร็งผิวหนัง
งดสูบบุหรี่ เนื่องจากสารเคมีจากบุหรี่ไม่เพียงเป็นพิษต่อปอดเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อผิวด้วย โดยสารพิษในบุหรี่จะเข้าไปยับยั้งการสร้างคอลลลาเจน เมื่อขาดคอลลาเจนผิวก็จะแห้ง ขาดความชุ่มชื้น เกิดริ้วรอยและอ่อนแอลงได้ อีกทั้งสารพิษในบุหรี่ก็ยังอยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็งด้วย
นอกเหนือจากวิธีการดูแล บำรุงผิว ที่ถูกต้องและการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายผิวแล้ว การมีวินัยในการดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสมก็อาจช่วยมีส่วนช่วยเรื่องผิวพรรณที่สวย แข็งแรง และมีสุขภาพดีได้ สุดท้ายนี้ ผู้ที่มีปัญหาผิวอย่างรุนแรงหรือเป็นโรคผิวหนัง ควรเริ่มต้นจากการปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อขอคำแนะนำและรับการรักษาที่ถูกต้อง
ครีมกันแดดเป็นสกินแคร์ที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงและรังสียูวี ไม่ว่าจะเป็นแสงแดดหรือแสงจากหน้าจอเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแสงและรังสีเหล่านี้อาจทำให้ผิวอ่อนแอและอาจนำไปสู่ปัญหาผิวในระยะยาวอย่างโรคมะเร็งผิวหนัง จึงควรใช้ครีมกันแดดอยู่เสมอและควรทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพการป้องกันที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ภายในอาคารหรือกลางแจ้ง
ช่วงเวลาที่แสงแดดมีความเข้มข้นของรังสียูวีมากเกินไปก็คือ 10 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมง ควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลาดังกล่าว ควรทาครีม กันแดด ป้องกัน ผิวจากการโดนเผาไหม้ เพราะรังสียูวีจะทำลายเส้นเลือดบริเวณเซลล์ผิวรวมถึง DNA สำคัญ ทำให้มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง
อ่านเพิ่มเติม ได้ที่ ผิว ลอกไหม้
ติดตามอ่านบทความดีๆ ได้ที่beautymustknow.com
กันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/ website : Kandabeauty.com
Comments