top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนniracha payyakul

ผิวพัง ถูกทำร้าย จนกลายเป็นรอยแผลเป็น

อัปเดตเมื่อ 7 ธ.ค. 2564

ผิวพัง ถูกทำร้าย จนกลายเป็นรอยแผลเป็น

เนื่องจากการมีขนอาจทำให้ดูไม่สะอาด การกำจัดขนทำให้ ผิวพัง ถูกทำร้าย เกี่ยวข้องกับความสวยความงาม การแต่งกายและหน้าที่การงาน จึงมีการกำจัดขนเพื่อเพิ่มความดูดีและสร้างความมั่นใจ แต่ประเทศไทยนิยมจะนิยมกำจัดขนน้อยกว่าประเทศทางตะวันตก

ปัญหาจากรอยแผลเป็นที่เกิดบนใบหน้าและบนร่างกายามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งรอยแผลเป็น รอยสิว หรือรอยแตกลาย มองแล้วดูไม่สบายใจก็อยากจะเรามา บำรุงผิว ไอเท็มที่จะช่วยลดรอยแผลเป็น รอยดำ รอยแดงที่กวนใจ อย่ามองข้ามไปเวลาเลือกซื้อสกินแคร์ดูแลผิว



“รอยสิว” ส่วนผสมที่ช่วยลดรอยสิวได้มาจากทั้งธรรมชาติหรือจากสารสกัดต่างๆ เลือกใช้ครีมลดรอยสิวได้ถูกต้อง ซึ่งครีมบางตัวอาจจะไม่ได้ผลิตขึ้นมาเพื่อลดรอยสิวโดยเฉพาะเหมือนครีมตัวอื่นที่เคลมไว้ว่าสามารถช่วยลดรอยสิวได้ แต่เข้ากลับมีส่วนผสมที่ช่วยลดรอยสิวอยู่ด้วย ส่วนผสมจากธรรมชาติที่มีการนำมาผสมในครีมนั้นมีอะไรกันบ้าง เรามาดูกันเลย


  • รกม้า Horse Placenta

รกมาเป็นพลาเซนต์ที่ดีที่สุดเพราะอุดมไปด้วยคุณค่าต่างๆที่ช่วยในการดูแลและบ่ารุงผิวให้ดูอ่อนกว่าวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังมีสารช่วยให้ผิวขาวหลายชนิดอย่างเช่นกรดไลโนเลอิคกรดอะมิโนวิตามินซีอนุพันธ์พลาเซนต่าอาร์บูตินแร่ธาตุโปรตีน ฯลฯ ที่ได้รับการรับรองมาแล้วจากองค์การอาหารและยากระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นว่าสามารถทำให้ผิวขาวขึ้นได้จริงๆ แต่ในทางกลับกันพลาเซนต้าจากรกของวัวและแกะกลับไม่ได้รับอนุญาตให้ผลิตในญี่ปุ่นเพราะยังมีปัญหาในเรื่องของโรคติดต่อร้ายแรงอย่างโรควัวบ้าที่ท่าให้เกิดโรคสมองเสื่อมและเกิดขึ้นในวัวและแกะดังนั้นพลาเซนต้าที่สามารถใช้ได้ในญี่ปุ่นก็จะมีพลาเซนต้าจากม้าและหมูนั่นเอง

ประโยชน์รกม้า

1. กระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่ บำรุงเซลล์ผิวหน้า ให้เปล่งปลั่ง ปรับสีผิวให้กระจ่าง ลดรอยเหี่ยวย่น ทำให้ผิว ดูอ่อนกว่าวัยจริง 2. ปกป้องสภาพผิวไม่ให้แห้งกร้าน ชุ่มชื้นตลอดเวลา สร้างความกระชับให้กับผิวหน้า ดูเต่งตึงขึ้น 3. ลดรอยด่างดำ ฝ้ากระ และจุดด่างดำบนใบหน้า รวมทั้งปรับเซลล์สีผิวให้เรียบเนียน ดูสม่ำเสมอ ไม่กระดำกระด่าง 4. เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับสภาพผิว ช่วยลดอาการบวมบริเวณใต้ดวงตา หรือลดถุงใต้ตานั่นเอง 5. กระตุ้นการสมานเซลล์ผิวอันเกิดจากแผลต่างๆ รอยแผลเป็นจากสิว รวมทั้งแผลเป็นได้อีกด้วย 6. เพิ่มความสดใสให้กับผิวที่แห้งกร้าน จากแสงแดด และ UV ไม่แห้งกร้าน ดูมีน้ำมีนวลตลอดเวลา 7. ผิวจะนุ่มละมุนด้วยโมเลกุลของน้ำ เพื่อช่วยดูดซึมและกระชับผิวให้แข็งแรง 8. ลดริ้วรอยหมองคล้ำ ผิวขาดการบำรุง 9. ฟื้นฟูสภาพผิวให้บริสุทธิ์ สดใส เปล่งปลั่งตลอดเวลา 10. เสริมสร้าง ดูแล และลบเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระบนใบหน้า 11. สามารถรับประทานได้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และจะทำให้อายุยืนยาว


  • สตอเบอรี่ขาว White Strawberry

สารสกัดสตรอเบอรี่ขาวจากญี่ปุ่น บำรุงผิวขาวใส อุดมด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ พร้อมช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ด้วยลักษณะสีขาวของสตรอเบอรี่ สื่อถึงความงามตลอดกาล สตรอว์เบอร์รีสีขาวนี้จึงมีชื่อเรียกว่า "First Love" หรือ "รักครั้งแรก" ที่สื่อถึงความรักที่ยืนยาวมั่นคง ประกอบที่มีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระสูง สารสกัดสตอเบอรี่ขาวจึงช่วยบำรุงให้เซลล์ผิวแข็งแรงมีชีวิตชีวา

สารสกัดสตอเบอรี่ขาวยังสามารถช่วยปกป้องเซลลผิวจากรังสี UVA ได้อีกด้วย โดยทำให้เซลล์ยังความมีชีวิตชีวาแม้ถูกทำร้ายด้วยรังสี UVและยังช่วยปกป้องเซลล์จากการทำร้ายของอนุมูลอิสระ ปกป้อง DNA ไม่ให้เสียหายจากสารอนุมูลอิสระ

ประโยชน์สตอเบอรี่ขาว

1. ช่วยบูสต์ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

2. ช่วยควบคุมความดันเลือดและชะลอการอุดตันของหลอดเลือด

3. ช่วยลดคอเลสเตอรอล ดีต่อใจ

4. ลดความดันโลหิต

5. บำรุงและดูแลสุขภาพตา

6. ช่วยลดน้ำหนัก

7. บำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง ดูอ่อนกว่าวัย

8. แก้ท้องผูก

9. เป็นผลไม้ต้านมะเร็ง

10. ลดการอักเสบในร่างกาย

11. บำรุงสมอง

12. ป้องกันปัญหาสุขภาพฟัน


การลดรอยดำหรือรอยแดงให้ได้ผล เราควรที่จะหลีกเลี่ยงแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดดเป็นประจำ และยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินด้วยการใช้ครีม บำรุงผิว ที่เน้นความกระจ่างใส การผลัดเซลล์ผิวจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ถือเป็นอีกหนึ่งทริคที่ช่วยทำให้รอยสิวดูจางลง มีส่วนผสมของ Horse Placenta บริสุทธิ์จากญี่ปุ่น เป็นสารสกัดที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ฝ้าและกระดูจางลงเมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ให้ความชุ่มชื่นกระชับรูขุมขนและช่วยให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น ไม่เหนียวเหนอะหนะและไม่อุดตันผิว ไม่มีส่วนผสมของพาราเบนจึงปลอดภัยต่อทุกสภาพผิว


ปัจจุบันมีตัวช่วยให้ผิวเรียบเนียนที่ทันสมัยเป็นที่นิยมของสาวฝรั่งและพักหลังมานี้ก็เป็นที่นิยมของสาวเอเชียด้วยเช่นกัน หลายคนอาจคิดว่าเรื่องของเส้นขนไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สำหรับบางคนแล้วการที่มีเส้นขนอยู่บนร่างกายก็ทำให้รู้สึกไม่ค่อยมีความมั่นใจ โดยเฉพาะบริเวณที่สามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ทำให้หลายคนต้องเสียเวลาในทุกวันไปกับการกำจัดขนที่อยู่บนร่างกาย แต่ด้วยเทคโนโลยีด้านความงามที่พัฒนาไปอย่างก้าวไกล

วิธีกำจัดขนบริเวณทั่วไป

วิธีการกำจัดขนนั้นมีมากมายหลายวิธี หากมีการทำลายเซลล์ชั้นผิวหนัง (Dermal Papilla) ซึ่งเป็นตัวสร้างเซลล์ต่อมขน ขนเส้นนั้นก็จะไม่งอกอย่างถาวร ซึ่งวิธีการกำจัดขนที่ได้รับความนิยมจะมีดังนี้

1.ถอน ถือว่าเป็นวิธีดั้งเดิม โดยใช้อุปกรณ์ ได้แก่ แหนบ คีม เส้นด้าย หรืออุปกรณ์ถอนขนชนิดต่างๆ ซึ่งได้รับความนิยมจนมีการรับจ้างถอนขนตามร้านค้า ร้านเสริมสวยหรือรับจ้างตามบ้านก็มี ข้อดีคือ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมาย ข้อเสียคือ เจ็บ หากทำเองอาจไม่ค่อยสะดวก หลังถอนอาจเกิดจุดแดงๆ คัน เจ็บ เกิดการอักเสบที่รูขุมขน ขนคุดจากการถอนผิดทิศทาง หรือหากอุปกรณ์ถอนและวิธีถอนไม่สะอาด ก็สามารถเกิดการอักเสบหรือเป็นฝีได้

2.แว๊กซ์ (Waxing) หลักการคล้ายการถอนขน เพียงแต่เปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ในการแว๊กซ์ขนแทน ซึ่งวิธีการก็มีให้เลือกทั้งแบบร้อนและแบบเย็น โดยการทาน้ำยาลงบนบริเวณที่ต้องการ จากนั้นก็ดึงแว๊กซ์ออก ขนก็จะหลุดออกมาด้วย ข้อเสียคือ ขนมักจะขึ้นใหม่ เนื่องจากการแว๊กซ์เป็นแค่การดึงขนขึ้นมา ไม่ได้ทำลายการสร้างขน ส่วนข้อเสียก็เช่นเดียวกับการถอนขน คือ เจ็บ

3.ใช้สารเคมี (Depilation) เป็นการสลายเส้นขนให้กลายเป็นเจล แล้วเช็ดหรือล้างออก มักใช้สารไทโอไกลโคเลต (Thioglycolate) สลายส่วนประกอบของขนที่เป็นกำมะถัน (Disulfide Bond) นิยมใช้ในคนที่จะสวมชุดว่ายน้ำ และในผู้ชายที่มีขนบริเวณใบหน้ามาก ข้อเสียคือ มักทำให้ระคายเคืองผิว เจ็บ แสบ คัน บางคนไวต่อสารเคมีมาก หลังทำผิวจะมีสีคล้ำ และเนื่องจากวิธีนี้ไม่ทำลายการสร้างขน ขนมักจะขึ้นใหม่ภายในสองสัปดาห์

4.โกน วิธีนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะทำได้ง่ายที่สุด ทั้งยังมีอุปกรณ์สำหรับโกนชนิดใหม่ๆ ให้เลือกมากมาย เช่น มีดโกน เครื่องโกนไฟฟ้า ข้อดีคือ การโกนไม่ทำให้ขนหนาขึ้นกว่าเดิม สะดวก ประหยัด ข้อเสียคือ ขนขึ้นเร็ว เช่น หากโกนหนวด ในบางรายต้องโกนวันละ 2 ครั้ง และอาจบาดเจ็บหลังโกน เพราะถูกมีดโกนบาด บางรายก็อาจบาดเจ็บจากการโกนขนที่อวัยวะเพศจนต้องเข้าห้องฉุกเฉิน ส่วนบางคนแพ้ครีมหรือมูสสำหรับโกน จึงเกิดการอักเสบ เป็นสิวหลังโกน ติดเชื้อจากแผลที่เกิดจากรอยบาด

5.ฟอกสี แม้จะไม่ใช่วิธีกำจัดขนให้หายไป แต่การฟอกขนให้มีสีอ่อน ก็จะทำให้มองไม่เห็นขน สารที่ใช้ฟอกมักจะประกอบไปด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์และกำมะถัน ข้อเสียคือ อาจเกิดการระคายเคือง คันผิว ผิวบริเวณที่ย้อมสีขนจะดูซีดจางไปด้วย

6. ใช้เลเซอร์กำจัดขน วิธีนี้เป็นการใช้แสงและความร้อนทำลายถึงเซลล์สร้างขน จึงเป็นการกำจัดขนอย่างถาวร จากงานวิจัยพบว่า การทำเลเซอร์กำจัดขนเพียงครั้งเดียว จะทำให้ขนงอกน้อยกว่าเดิมประมาณ 30% หากทำเลเซอร์กำจัดขนหลายครั้ง ส่วนใหญ่ขนจะไม่ขึ้นมาอีกอย่างถาวร


ขนสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือ

1.ระยะเจริญเติบโต (Anagen Phase)

ระยะเจริญเติบโตระยะนี้ต่อมขนจะอยู่ลึกเข้าไปในชั้นหนังแท้ (Dermis) มีเลือดมาหล่อเลี้ยงเป็นจำนวนมาก ขนจึงเจริญเติบโตงอกยาวออกมา ขนส่วนใหญ่จะอยู่ในระยะนี้นานที่สุด แต่ขึ้นอยู่กับชนิดของขน เช่น เส้นผมจะอยู่ในระยะนี้ถึงร้อยละ 80-90 และอยู่นานประมาณ 3 ปี ก่อนจะเปลี่ยนเข้าสู่ระยะอื่น ขณะที่ขนคิ้ว ขนตา ขนรักแร้ ขนหน้าแข้ง ขนอก จะอยู่ในระยะนี้สั้นกว่าขนบนศีรษะ

2.ระยะเปลี่ยนแปลง (Catagen Phase)

ระยะนี้ต่อมขนจะเปลี่ยนแปลงไป โดยการเลื่อนตัวสูงขึ้นมาใกล้ผิว แต่ยังมีเลือดมาหล่อเลี้ยงอยู่ ขนจะอยู่ในระยะนี้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ เป็นช่วงก่อนหลุดร่วง

3.ระยะหยุดเจริญเติบโต(Telogen Phase)

ระยะนี้ต่อมขนเลื่อนขึ้นมาอยู่สูงต่ำกว่าช่องเปิดต่อมไขมันเพียงเล็กน้อย ไม่มีเลือดมาเลี้ยง ขนเตรียมหลุดร่วง หากเป็นเส้นผมจะอยู่ในระยะนี้ประมาณ 100 วัน แล้วหลุดร่วงจากการดันของขนระยะเจริญเติบโต หรือจากการแปรงผม สางผม


การดูแลผิวพรรณให้แข็งแรง สุขภาพดี ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมใช้กันแดดทาทั้งผิวหน้าและผิวกาย มองหา กันแดด รองพื้น เพื่อปกป้องผิวได้อย่างเติมประสิทธิภาพไม่ให้ผิวหมองคล้ำ เป็นฝ้า กระ จุดดด่างดำหรือปัญหาผิวต่างๆที่จะตามมา

 

อ่านเพิ่มเติม ได้ที่ ผิวพัง ถูกทำร้าย

ติดตามอ่านบทความดีๆ ได้ที่ beautymustknow.com

กันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/ website : Kandabeauty.com

ดู 6 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page