top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนniracha payyakul

ฝ้าลึก กันแดด ป้องกันอันตรายจากแสงแดดและการรักษา

ฝ้าลึก กันแดด ป้องกันอันตรายจากแสงแดดและการรักษา

สาวๆ หลายคนคงทำกันอยู่แล้ว แต่สำหรับสาวๆ ที่ไม่กลัวแดดและชอบกิจกรรม กลางแจ้งนั้น ขอย้ำเตือนอีกครั้งว่าแสงแดดทำให้เกิด ฝ้าลึก กันแดด ช่วยเป็นโล่งผิว แสงแดดสามารถทำร้ายผิวลึกถึงชั้นผิวหนังของคุณมากกว่าแค่ทำให้คุณผิวเสีย แต่ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้น แม้คุณจะเป็นสาวที่สวยท้าแดด ก็ยังควรที่จะหลีกเลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุดเท่าที่จะเลี่ยงได้

การดูแลผิว เป็นสิ่งที่สาวๆ ใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะใครๆ ก็อยากจะมีผิวพรรณที่สวยสดใส เปล่งปลั่งกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะต้องใช้ทุนทรัพย์มากมายเพียงใด สาวๆ อย่างเราก็ยอมแลกได้ใช่ไหมคะ



ไขข้อสงสัย ฝ้า (Melasma)

"ฝ้า" หรือ "Melasma" เกิดจากการที่เซลล์เม็ดสีใต้ชั้นผิวหนัง หรือเม็ดสีเมลานินทำงานผิดปกติ โดยมักจะขึ้นเป็นวงเล็กๆสีน้ำตาลก่อน แล้วถ้าไม่หาทางหยุดฝ้า หรือป้องกัน ก็จะค่อยๆขยายเป็นปื้นและฝังลึกลงไปในเซลล์ผิว โดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้ม มักเกิดกับผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 30-40 ปีขึ้นไป ซึ่งผู้หญิงมีโอกาสเป็นฝ้ามากกว่าผู้ชายถึง 9 เท่า

แต่การดูแลผิวให้สวยใส นอกจากการดูแลบำรุงผิวจากภายนอกแล้วนั้น การดูแลผิวจากภายในก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันและความงามที่มาจากภายใน ย่อมเห็นผลได้ยาวนานกว่าการบำรุงจากภายนอกอย่างแน่นอน

ปัญหาผิวที่สาวๆ วิงวอนขออย่าให้เกิดขึ้นบนใบหน้าเลยก็คือ ฝ้า เนื่องจากเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ช่างแสนจะกำจัดยากเย็นเหลือเกิน ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่หาย และทำให้สาวๆ จิตตกได้

ฝ้า คือการที่สีของผิวหนังบริเวณหนึ่งผิดปกติไป โดยเกิดจากสารหรือเม็ดสีเมลานิน จนเกิดเป็นแผ่นปื้น แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ

- ฝ้าแบบตื้น จะอยู่ในระดับผิวหนังกำพร้า มีสีน้ำตาลขอบชัด เกิดได้ง่าย และหายได้เร็ว

- ฝ้าแบบลึก จะอยู่ในชั้นที่ลึกกว่าผิวหนังกำพร้า นั่นคือชั้นผิวแท้ มีลักษณะเป็นสีม่วงอมน้ำเงิน ขอบเขตไม่ชัด รักษาได้ยาก และไม่ค่อยหายขาด

- ฝ้าแบบผสม คือ มีทั้งสองแบบปนกันอยู่



สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการดูแลถนอมผิวพรรณก็คือการทาครีมบำรุง ไม่ว่าจะเป็น ครีมกันแดด สเปรย์กันแดด และครีมบำรุงต่างๆ เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้น และไม่ถูกแสงแดดทำร้าย ก็จะทำให้ผิวหนังของคุณไม่หมองคล้ำและเนียนนุ่มน่าสัมผัสได้อีกด้วย สาเหตุการเกิดฝ้า ฝ้าเกิดได้จากหลายสาเหตุดังนี้

1. เกิดจากโรคผิวหนังบางชนิด ผิวหนังของคนเราสามารถอักเสบได้ง่าย เช่น เป็นสิวอักเสบ ติดเชื้อบางอย่าง เป็นต้น และหลังจากหายอักเสบจากโรคผิวหนังนั้นๆ ก็อาจทิ้งร่องรอยเอาไว้ได้

นอกจากนี้ยังมีโรคผิวหนังอื่นๆ เช่น โรคเส้นเลือดฝอยแตกบริเวณคอ โรคผื่นแดงตามโหนกแก้ม โรคปื้นร่างแหสีน้ำตาล โรคที่เป็นภาวะที่มีลักษณะเป็นเส้นสีเข้มพาดบริเวณหน้าผาก เป็นต้น

2. การใช้ยาบางชนิดที่ทำให้เกิดฝ้า ยาบางชนิด กระตุ้นผิวหนังให้ไวต่อแสงแดด และบางชนิดก็ทำให้เกิดฝ้าได้โดยตรงแม้จะไม่ได้รับการกระตุ้นจากแสงแดดก็ตาม เช่น ยาคุมกำเนิดบางชนิด ยาแก้อักเสบบางอย่าง ยาอะมิโอดาโรนที่มีผลกับการทำงานของหัวใจ ยาฟินนีโทอีนที่ใช้รักษาโรคลมชัก ยาฟิโนเธียซีน และยาฆ่าเชื้อบางชนนิดเช่น ซัลโฟนาไมด์

3. เกิดจากแสงแดด เมื่อถูกแสงแดด ร่างกายจะสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้น จนเกิดฝ้า กระ และอาจเกิดผิวไหม้ บวมแดง และอาจเกิดมะเร็งผิวหนังได้หากเป็นกระแดด จะเกิดในผู้ที่มีอายุมากและถูกแสงแดดมามาก

4. สาเหตุอื่นๆ สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดฝ้า เช่น การตั้งครรภ์ โรคตับ โรคแอดดิสัน และโรคอีโมโครมาโทซิส และเนื้องอกใต้สมอง

ฝ้า เกิดได้ง่าย และรักษาได้ยากมาก ดังนั้น ควรดูแลรักษาผิวหน้าเอาไว้เสียแต่เนิ่นๆ และหลีกเลี่ยงแสงแดดให้ได้มากที่สุดนะคะ

1.การรักษาฝ้าด้วยยาทาหรือผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่ง

เป็นวิธีการรักษามาตรฐานที่ได้ผลดีและปลอดภัย ใช้ได้ผลดีกับฝ้าตื้นมากกว่าฝ้าลึก แต่เห็นผลได้ช้ากว่าวิธีอื่น ๆ และยาบางตัวอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีหรือใช้ผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าที่แอบใส่ยาอันตรายความเข้มข้นสูงเพื่อให้ได้ผลเร็ว โดยการรักษาด้วยวิธีมาตรฐานนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มเห็นผลว่าฝ้าดูจางลงใน 1-2 เดือน ถ้าใช้ต่อเนื่องเกิน 6 เดือนก็จะเห็นผลอย่างชัดเจน แต่สำหรับฝ้าลึกนั้นจะค่อนข้างรักษาได้ยากหากต้องใช้ยาทาเพียงอย่างเดียว จึงต้องใช้วิธีการรักษาอื่น ๆ ร่วมด้วย โดยยาทาที่นิยมใช้กันก็ได้แก่

  • ยาทากลุ่มไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) เป็นยาตัวหลักที่แพทย์นิยมใช้ในวิธีรักษาฝ้าให้หายขาด เพราะสามารถช่วยลดการสร้างเม็ดสีและทำลายเม็ดสีบางส่วนที่อยู่ใต้ผิวหนังได้

  • ยาทากลุ่มกรดวิตามินเอ (Retinoic Acid) เป็นยาทาที่ช่วยเร่งการหลุดลอกของเซลล์ผิวชั้นบน จึงช่วยให้รอยฝ้าดูจางลงได้ แต่ยารักษาฝ้านี้ต้องใช้อย่างต่อเนื่อง

  • ยาทาผสมไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอ และสารสเตียรอยด์ (Kligman's Formula) เป็นตัวยาอีกตัวที่แพทย์นิยมใช้

  • ยาทากลุ่มอะเซเลอิก (Azelaic Acid) เป็นยาที่มีประสิทธิภาพในลดการสร้างเม็ดสีได้ดีเทียบเท่ากับยาทาไฮโดรควิโนน แต่การใช้ยานี้ช่วงแรกอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังหรือแสบร้อนบริเวณผิวหนังได้ จึงต้องใช้ด้วยความระมัดระวังหรืออยู่ในการดูแลของแพทย์

  • การลดเลือนและรักษาฝ้าแดดด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่มสารไวท์เทนนิ่งทั่วไป (Whitening Agents) เช่น วิตามินซี, สารสกัดจากชะเอมเทศ, อาร์บูติน, กรดโคจิก, สารสกัดจากถั่วเหลือง ฯลฯ เป็นการรักษาฝ้าอย่างถูกวิธีและปลอดภัยที่สุด เนื่องจากเป็นสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่ำ แม้จะได้ผลช้ากว่ายาทาแต่ก็ได้ผลค่อนข้างดีในระยะยาวที่ช่วยทำให้ฝ้ารวมถึงฝ้าแดดจางลงและผิวดูขาวขึ้น

2.การลอกผิวด้วยสารเคมีหรือกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี เพื่อกำจัดเม็ดสีที่มีอยู่ออกไป เป็นการรักษาที่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะอาจก่อให้เกิดแผลเป็นถาวรได้จากการลอกชั้นผิวที่ลึกเกินไป หลังทำต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดอย่างเคร่งครัดและทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ ไม่อย่างนั้นฝ้าจะกลับมาเป็นซ้ำและเข้มขึ้นมากกว่าเดิมจากผิวที่บางลงจากการลอกหรือกรอผิว

  • การลอกผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peeling) เป็นการใช้สารเคมีที่มีความเข้มข้นสูงกว่าครีมรักษาฝ้าที่ผสมกรดผลไม้หลายเท่า ในการใช้จึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผิวไหม้หรือแผลเป็นถาวร

  • การกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี (Microdermabrasion) เพื่อขัดและลอกผิวหนังชั้นหนังกำพร้าด้านบนออก ใช้ได้ผลกับฝ้าตื้น

3.การรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์/แสง (Laser/Light Therapy)

เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพราะมีความแม่นยำและรักษาได้ตรงจุด แต่การรักษาฝ้านี้ก็เป็นเพียงการรักษาเสริมเท่านั้น ไม่ใช่การรักษาหลัก (ใช้ทำลายเม็ดสีที่ปลายเหตุ ไม่ได้ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่เป็นต้นเหตุ) แถมวิธีนี้ยังเปรียบเสมือนดาบสองคมที่แม้จะทำให้ฝ้าจางลงเร็ว แต่ก็ดูจะเป็นวิธีที่มีข้อเสียอยู่มากที่ต้องคำนึงถึง อาจเกิดแผลเป็นจากเลเซอร์ เป็นต้น

วิธีป้องกันการเกิดฝ้าในชีวิตประจำวัน

การเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดโดยตรงเป็นหนึ่งในการป้องกันฝ้าที่สามารถทำได้ในชีวิตประจำวันมากที่สุด เนื่องจากรังสีอัลตราไวโอเลตทั้ง ยูวีเอ (UVA) ยูวีบี (UVB) หรือแสงที่ตามองเห็นได้ (Visible Light) อาจกระตุ้นให้เกิดกระบวนการสร้างเม็ดสีเพิ่มมากขึ้นจนทำให้เกิดฝ้าได้

ควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านหรือก่อนไปยังสถานที่ที่ต้องเผชิญกับแสงแดดโดยตรง เพื่อป้องกันผิวหนังถูกทำร้ายจนคล้ำเสีย โดยเลือกครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟอย่างน้อย 30 ซึ่งตัวเลขค่าเอสพีเอฟนี้เองจะเป็นค่าที่บ่งบอกว่าครีมมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดีมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงมีสารป้องกันแดดแบบกายภาพเป็นส่วนประกอบ เช่น ไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) หรือ ซิงค์ ออกไซด์ (Zinc Oxide) ซึ่งช่วยสะท้อนรังสีอัลตราไวโอเลตที่มากระทบจากผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเลือกใช้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิวสำหรับกลางวันก็ควรเลือกชนิดที่มีสารกันแดดเหล่านี้เป็นส่วนประกอบเช่นกัน เพื่อเป็นการป้องกันผิวจากแสงแดดไปในตัว

วิธีการทาครีมกันแดดอย่างถูกต้อง

  • เลือกครีมกันแดด ยี่ห้อที่เชื่อถือได้ มี อย. มี SPF 50 ขึ้นไป และ กัน UVA (โดยดูจาก PA ตั้งแต่3+ ขึ้นไป หรือเครื่องหมาย PA ที่มีวงกลมล้อมรอบ)

  • ทาครีมกันแดดปริมาณตามมาตรฐานคือ 1 กรัมต่อการทาทั่วหน้า 1 ครั้ง สามารถกะปริมาณได้โดย บีบครีมยาว 2 ข้อนิ้ว ความกว้างลำครีมครึ่งเซนติเมตร ทาทั่วหน้า เกลี่ยครีมเบาๆให้เข้าไปในผิวหน้าให้สีเสมอกัน จะทาลงมาที่คอด้วยก็ได้ แต่ต้องเพิ่มปริมาณครีมกันแดดด้วย หากทาน้อยกว่านี้ จะมีประสิทธิภาพในการกันแดดน้อย ทาทุกวันตอนเช้า และทาซ้ำอีกทีก่อนออกไปทำกิจกรรมที่ต้องถูกแสงแดดแรงๆ หรือนานๆ เช่นออกกำลังกายกลางแจ้ง ไปเที่ยวชายทะเล ทั้งนี้ เพราะครีมกันแดดจะกันแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดในช่วงระยะเวลา 2 ชม. แรกหลังทา การทาซ้ำถ้ามีที่ล้างหน้าให้ล้างหน้าก่อน ถ้าไม่มีที่ล้างหน้าให้ทาซ้ำไปได้เลย

การทาครีมกันแดด สเปยร์กันแดด หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารกันแดดอาจไม่เพียงพอต่อการป้องกันแสงแดดที่มีความรุนแรง ในช่วงที่มีแดดแรงควรมีการปกป้องผิวอีกชั้นเมื่อต้องเจอกับแสงแดดแรงโดยตรงบริเวณใบหน้า เช่น การกางร่ม สวมหมวก หรือสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดผิวหนังได้อย่างมิดชิด



สิ่งที่ห้ามลืมอย่างเด็ดขาด คือการทาครีมกันแดด ไม่ว่าคุณจะพบเจอกับแดดระดับไหนก็ตาม หรือไม่ออกไปไหนก็ตาม ก็ควรที่จะทาครีมกันแดดทุกวัน เพราะนอกจากแสงแดดภายนอกแล้ว แสงจากรังสีต่างๆ ก็ทำร้ายผิวของคุณได้เช่นกัน โดยเฉพาะแสงแดด นอกจากจะทำร้ายผิวให้ย่ำแย่แล้ว ยังอาจทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย


การทำร้ายผิวอาจมาจากพฤติกรรมของคุณเอง ส่งต่อให้ ผิวโทรม หมองคล้ำ เช่น ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ นอนดึก ชอบถูหน้าแรงๆ ไม่ล้างเครื่องสำอางให้สะอาด เครียดบ่อย เป็นต้น ล้วนแล้วแต่ทำร้ายผิวของคุณให้เหี่ยวย่น เกิดริ้วรอยได้ง่ายทั้งสิ้น ถ้าอยากมีผิวสวยล่ะก็ ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตใหม่นะคะ


 

อ่านเพิ่มเติม ได้ที่ ฝ้าลึก กันแดด

ติดตามอ่านบทความดีๆ ได้ที่beautymustknow.com

กันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/ website : Kandabeauty.com

ดู 2 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Commenti


bottom of page