top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนniracha payyakul

รักษาสิว การดูแล เพื่อไม่ให้เกิดสิวและปัจจัยเสี่ยงเกิดสิว

รักษาสิว การดูแล เพื่อไม่ให้เกิดสิวและปัจจัยเสี่ยงเกิดสิว

เครื่องสำอางส่วนใหญ่ที่เราใช้มีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจทำลายผิวหน้าและเป็นตัวการให้เกิดสิวได้ รักษาสิว การดูแล เพื่อไม่ให้เกิดสิวหรือพฤติกรรมทำให้เป็นสิวไม่หาย สิวเป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ โดยมากสิวที่เกิดขึ้นไม่ใช่สิวชนิดที่รุนแรง แต่มักทำให้ขาดความมั่นใจ จึงทำให้มีผลิตภัณฑ์รวมถึงยาที่ใช้ในการรักษาสิวมากมายอย่างไรก็ตาม ทุกคนควรทำความเข้าใจถึงสาเหตุ การป้องกัน และแนวทางการรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุด

ปัจจัยภายในร่างกาย

ปัจจัยที่เกิดจากร่างกายเราเอง เช่น ระดับฮอร์โมน การตอบสนองของร่างกายต่อฮอร์โมน กรรมพันธุ์ โรคเรื้อรัง และผิวพรรณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ติดตัวเราตั้งแต่กำเนิด สำหรับฮอร์โมนที่มีผลต่อการเกิดสิว ได้แก่ฮอร์โมนเพศแอนโดรเจน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นต่อมไขมันได้ โดยส่วนมากแล้วฮอร์โมนจะมากขึ้นเมื่อเราเข้าสู่วัยรุ่น จึงมักพบสิวได้มากในวัยนี้และอาจอยู่ได้นานหลายปี

ปัจจัยภายนอก

ปัจจัยที่เกิดขึ้นจากนอกร่างกายของเรา เช่น ยา ครีม และเครื่องสำอางบางชนิด สภาพแวดล้อม แสงแดด อุณหภูมิ และอาหาร ซึ่งเราสามารถป้องกันได้ สำหรับอาหารพบว่าผู้ที่รับประทานอาหารหวาน และอาหารจำพวกแป้งเป็นประจำอาจทำให้เกิดสิวได้ง่าย การใช้เครื่องสำอางเช่น แป้ง ครีมบางชนิด เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเกิดสิว เนื่องจากส่วนผสมในเครื่องสำอางบางชนิดจะอุดตันรูขุมขนได้ ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่สามารถพบสิวได้ในคนที่เลยช่วงวัยรุ่นไปแล้ว การระคายผิวบนใบหน้า เช่น การล้างหน้าที่มีการถูมาก หรือการบีบสิว รวมทั้งการใช้ยาบางชนิดก็ทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นได้ เช่น ยาคุมกำเนิด ยาสเตียรอยด์



สาเหตุการเกิดสิวที่อาจมองห้าม

การเกิดสิวบนใบหน้าแต่ละครั้ง ล้วนมีสาเหตุที่หลากหลายจนเราคิดไม่ถึงเลยล่ะค่ะ ซึ่งหากสาว ๆ ได้รู้ว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวมีอะไรบ้าง ปัญหาสิวก็จะหมดไปได้อย่างง่าย ๆ วันนี้นำพฤติกรรมที่ทำให้เกิดสิวมาฝากกัน เพื่อให้สาว ๆ ได้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ค่ะ

มาลองเช็คดูว่าคุณเป็นคนสร้างสิวขึ้นมาเองหรือไม่?

  • กรรมพันธุ์ มีผลต่อการเกิดสิวด้วยเช่นกัน ถ้าพ่อแม่มีประวัติเป็นสิวในช่วงวัยรุ่น ลูกในวัยรุ่นก็มีโอกาสที่จะเป็นสิวด้วย

  • ฮอร์โมน การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนในช่วงวัยรุ่น ทำให้ต่อมไขมันสร้างน้ำมันมากขึ้นกว่าความต้องการของผิว จึงพบสิวมากกว่าวัยอื่นๆ

  • การทานอาหาร อาหารที่มีลักษณะมันและอาหารที่มีน้ำตาลสูง มักจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวขึ้นได้

  • สภาพอากาศ การเกิดของสิวมักขึ้นอยู่กับช่วงของสภาพอากาศร่วมด้วย บางคนอาจจะเป็นสิวมากในอากาศร้อน และบางคนอาจจะเป็นสิวมากในอากาศหนาว เป็นต้น

  • อารมณ์และความเครียด สำหรับคนที่มักจะมีอารมณ์ดี มักจะเกิดสิวบนใบหน้าได้น้อยกว่า ผู้ที่มีอารมณ์เสียอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งความเครียด ก็ยังคงเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เกิดสิวได้อีกด้วย

  • เครื่องสำอาง ส่วนใหญ่ถือได้ว่าเป็นสาเหตุการเกิดสิวที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะถ้าหากเลือกใช้เครื่องสำอางที่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน และเป็นเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสมต่อสภาพผิวพรรณ ไม่ว่าจะยังไงคุณก็ยังคงเป็นสิวอย่างแน่นอน ควรล้างหน้าให้สะอาดอย่างล้ำลึก

ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ รักษาสิว โทนเนอร์ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการทำความสะอาด หรือชำระล้างสิ่งสกปรกบนใบหน้าของเรา หลังจากการทำความสะอาดด้วยคลีนซิ่ง หรือโฟมล้างหน้า



  • บีบสิว จับ แคะ แกะ เกา ผิวหน้า ยิ่งทำให้ความมันบนใบหน้าและฝุ่นละอองซึมลึกลงไปในรูขุมขน ทำให้สิวเห่อขึ้นมากกว่าเดิมอีก

  • หมอนสกปรก เป็นตัวกักเก็บฝุ่นละอองและแบคทีเรียต่าง ๆ มากมาย และขณะนอนหลับ ก็ไม่รู้ว่าคุณดิ้นเอาหน้าแนบหมอนไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ดังนั้น ซักปลอกหมอนให้บ่อย ๆ ได้ยิ่งดีจ้า

  • ผมสุดสกปรก สาว ๆ หลายคนกว่าจะสระผมทีก็ 2-3 วัน และนั่นทำให้ความมันและสิ่งสกปรกหมักหมมอยู่ในเรือนผม ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อผมของคุณสยายมาปิดหน้าตาแล้วล่ะก็ สิวก็จะผุดขึ้นได้อย่างง่าย ๆ ไม่ต้องไปโทษใครเลยล่ะ

ชนิดของสิว

  1. สิวอักเสบ (Inflammatory Acne) เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันแล้วมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรก ซ้อน ทำให้เกิดการอักเสบเป็นตุ่มแดง ตุ่มหนอง หากมีการอักเสบมากอาจกลายเป็น “สิวหัวช้าง” ซึ่งจะมีอาการเจ็บมาก บางรายอาจมีไข้ได้ มีลักษณะเป็นตุ่มแดง ตุ่มหนองหรือเกิดอาการบวมแดง ร้อน เจ็บ คล้ายฝี หรือเรียกว่าสิวหัวช้าง สิวชนิดนี้มักเกิดแผลเป็นตามมาภายหลัง และรักษายากกว่า

  2. สิวอุดตัน (Non-inflammatory Acne หรือ Comedone) เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน สิวที่ขึ้นใหม่ เม็ดเล็กสีขาว รีบรักษาให้หายในระยะนี้ไม่มีแผลเป็น สิวอุดตันมีลักษณะจะเป็นตุ่มเล็ก ๆ ถ้ามีหัวสีดำ เรียกว่า สิวหัวเปิด หรือ สิวหัวดำ ถ้ามีหัวสีขาว เรียกว่า สิว หัวปิด หรือ สิวหัว ขาว พบได้บ่อยบริเวณใบหน้า ลำคอ และลำตัว โดยเฉพาะที่หลัง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีต่อมไขมันจำนวนมาก

การรักษาสิว

  • สิวอักเสบ การรักษาจะมีอยู่ 2 วิธีหลักๆ คือ การรับประทานยาและการทายา อาจใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง หรือใช้สองวิธีร่วมกันก็ขึ้นอยู่กับปัญหาสิวที่เป็นว่ามีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด ถ้าสิวมีการอักเสบมาก กลายเป็นสิวหัวช้าง อาจต้องฉีดยาให้ยุบเร็วขึ้น สำหรับคนที่มีปัญหาสิวอักเสบ จำนวนมากหรือดื้อยาแพทย์อาจใช้วิธี การรักษาด้วยแสง (LED Light ) ที่ช่วยลดการอักเสบของสิว และฆ่าเชื้อแบคทีเรีย พีแอคเน่ (P. acnes)

  • สิวอุดตัน การรักษานอกจากใช้ยาทาแล้ว ก็ยังมีในกลุ่มของยารับประทานที่จะช่วยลดปัญหาผิวมันและสิวอุดตันได้ดี หรืออาจใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์มาช่วยแก้ปัญหาสิวอุดตันได้อย่างการผลัดผิวด้วยผงคริสตัล (MD)ซึ่งช่วยให้หัว สิวอุดตันหลุดออกได้

ทำอย่างไรไม่ให้เป็นสิว

เนื่องจากสาเหตุของสิวมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นการป้องกันการเกิดสิวสามารถททำได้หลายอย่าง เช่น

  • ลดการอุดตันของรูขุมขนด้วยการล้างหน้าให้สะอาดเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ล้างหน้าให้ถูกวิธี ไม่ควรล้างหน้าบ่อยๆ เพราะจะทำให้ผิวสูญเสียน้ำมัน ต่อมไขมันจะผลิตน้ำมัน ออกมาชดเชยทำให้เป็นสิวได้

  • ไม่เอามือไปสัมผัสผิวหน้าหากยังไม่ได้ล้างมือให้สะอาด

  • ไม่ควรขัดหน้าอย่างรุนแรง เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองได้

  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆเพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองและความร้อนจากแดดจะทำให้เกิดเหงื่อ หากผสมกับไขมันหรือฝุ่นอาจทำให้รูขุมขนอุดตันอักเสบได้

  • พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นอนดึกหรืออดนอน ออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารที่มี ประโยชน์

  • รับประทานอาหารขนมหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อย

  • ทานอาหารเสริมจำพวก zinc probiotics และน้ำมันปลา

  • การใช้โทนเนอร์หรือคลีนซิ่ง ช่วยล้างหน้าให้สะอสดหมดจด เป็นการ รักษาสิว ไม่ให้เกิดเยอะมากกว่าเก่า ช่วยในการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว เจ้าโทนเนอร์นี้ยังมีคุณสมบัติในการช่วยปรับสภาพผิวให้พร้อมก่อนการทาครีมบำรุงผิว เพื่อให้ครีมซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น และสร้างสมดุลให้กับผิวหน้า ลดความมัน กระชับรูขุมขน เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และช่วยให้ครีมบำรุงผิวซึมลงสู่ผิวได้ดีขึ้นอีกด้วยค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการเลือกโทนเนอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของสาวๆ ด้วยนะคะ



ข้อควรปฏิบัติในการรักษา สิว และข้อควรรู้

1. ไม่ควรรีบร้อนในการรักษา เพราะสิวที่เป็นมากและรุนแรงต้องใช้ระยะเวลา โดยเฉพาะรอยแผลจากสิว อาจใช้เวลาถึง 6 เดือน 2. ไม่เช็ดหน้าแรงๆ หรือขัดถูหน้าแรงเกินไป เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดสิวมากขึ้น 3. ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ด้วยสบู่อ่อนๆ หรือโฟม และเครื่องสำอางที่ใช้ ไม่ก่อให้เกิดสิว (Non Comedone) 4. ไม่ลูบคลำหน้าหรือจับหน้าบ่อยๆ หรือบริเวณที่เป็นสิวบ่อยๆ รวมถึงการไม่บีบ แกะสิว 5. การอดนอน ความเครียดต่างๆ ที่เกิดขึ้น มักทำให้สิวเห่อง่าย 6. ยาทา หรือยารับประทาน ควรใช้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ อย่าปรับยาเองหรือกินยาเอง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 7. เมื่อสิวหาย อย่าหยุดใช้ยาทันที ควรใช้อย่างต่อเนื่องตามแพทย์แนะนำ “อย่าปล่อยให้สิวเป็นมากเพราะอาจจะสายเกินแก้” 8. ฮอร์โมนเพศชาย (Androgen) เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวได้มากในช่วงอายุ 15- 30 ปี อาจใช้ฮอร์โมนช่วยในการรักษา (Homonal Therapy) จากฮอร์โมน Estrogen

ปัจจัยหนึ่งที่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับการเกิดสิว คือ อาการท้องผูก บางคนถึงขั้นว่าท้องผูกทีไรเกิดสิวตามมาทุกที หรือ รักษาสิว ผิดวิธี ยิ่งกระตุ้นการเกิดสิว พฤติกรรมที่ช่วยยับยังและรักษาสิวได้ดีไม้แพ้กันก็คือ ‘การออกกำลังกาย’ ยังช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนได้อีกด้วย เพราะในขณะออกกำลัง ร่างกายจะระบายเหงื่อและความร้อน ซึ่งก็คือของเสียออกมาทางรูขุมขนนั่นเอง


 

อ่านเพิ่มเติม ได้ที่ รักษาสิว การดูแล

ติดตามอ่านบทความดีๆ ได้ที่beautymustknow.com

กันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/ website : Kandabeauty.com

ดู 3 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page