top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนniracha payyakul

รักษาสิว รู้ลึก ปัจจัยอื่นๆที่เสี่ยงต่อการเกิดสิว

รักษาสิว รู้ลึก ปัจจัยอื่นๆที่เสี่ยงต่อการเกิดสิว

ต่อมมีการผลิตไขมันมากเกินไป ทำให้เกิดการจับตัวกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วเกิดเป็นการอุดตันใต้ผิวหนังจนเกิดสิว รักษาสิว รู้ลึก ปัจจัยอื่นๆที่เสี่ยงต่อการเกิดสิวหรือสิวอักเสบ หากสารที่อุดตันถูกชั้นผิวหนังชั้นนอกสุดปิดกั้นจะกลายเป็นสิวหัวขาว แต่หากสารที่อุดตันสามารถออกมาสู่ผิวหนังชั้นนอกได้ สารไขมันที่สัมผัสกับอากาศจะเปลี่ยนเป็นสีดำ กลายเป็นสิวหัวดำ



การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนและแอนโดรเจนในวัยรุ่น มีส่วนทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังบริเวณรูขุมขนหนาขึ้น จึงเพิ่มการอุดตันของสารไขมันจนทำให้เกิดสิวนั่นเอง

สิว (Acne/pimple/zits) เป็นหนึ่งในโรคของรูขุมขน และต่อมน้ำมัน ที่จัดว่าเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยที่สุดในบรรดาโรคผิวหนังทั้งหมด 80 % ของสิวพบในช่วงวัยรุ่น สิวมีทั้งสิวอักเสบ สิวหนอง สิวอุดตัน และ สิวเสี้ยน ซึ่งกลไกการเกิดสิวทั้งหลายนั้น เป็นกลไกอันเดียวกัน เนื่องจากสิวนั้นเป็นโรคของรูขุมขนและต่อมน้ำมัน จึงพบว่าบริเวณที่ก่อให้เกิดสิวได้บ่อยนั้น ก็เป็นบริเวณเดียวกันกับที่ที่มีรูขุมขนและต่อมน้ำมันมากเช่นกัน ได้แก่ บริเวณ หน้า หน้าอก และ แผ่นหลัง

สิวเป็นสิ่งที่วัยรุ่นหรือบรรดาหนุ่มสาวรู้จักกันดี และสิวก็ยังก่อปัญหาน่ารำคาญใจบนใบหน้าของเราทำให้ไม่มีความมั่นใจในความสวย-ความหล่อกันเลยทีเดียว ซึ่งสิวบางประเภทก็ยากที่จะแก้ไขหรือกำจัดไปได้โดยง่าย

การเกิดสิวมักเริ่มตั้งแต่อายุ 11 – 12 ปีขึ้นไป บางคนยังสามารถเป็นสิวได้แม้วัยใกล้เลข 4 แล้วก็ตาม ดังนั้นเราควรมาทำความรู้จักเกี่ยวกับเรื่องของสิวกันก่อนดีกว่า

  • สิวอุดตัน จะแบ่งย่อยออกเป็น 2 ลักษณะ คือ สิวอุดตันหัวเปิด ซึ่งมีลักษณะหัวดำๆ กับสิวอุดตันหัวปิด จะเห็นเป็นตุ่มนูนๆ เล็กๆ สีขาว

  • สิวอักเสบ จะเห็นเป็นตุ่มแดงๆ ซึ่งมีขนาดตั้งแต่เล็กถึงใหญ่เป็นก้อน หรือมีโพรงติดต่อกันหลายๆ หัว


สาเหตุของการเกิดสิว

  1. ฮอร์โมน ซึ่งมีผลทำให้ต่อมไขมันของเราถูกกระตุ้นและมีการสร้างไขมันมากขึ้น

  2. พันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวมีสิวมาก ก็มักมีโอกาสที่จะเป็นสิวได้มากกว่าคนปกติทั่วไป

  3. ความเครียด, การพักผ่อนไม่เพียงพอ, อดนอน หรือมีความเจ็บป่วย ฯลฯ

  4. การแพ้สารสัมผัสหรือสารบางชนิดที่ผสมอยู่ในเวชภัณฑ์ต่างๆ เช่น เครื่องสำอาง สบู่ล้างหน้า ยาสระผม เป็นต้น

  5. สิ่งแวดล้อม เช่น การโดนฝุ่นละออง ความร้อน หรือแสงแดดมากๆ ก็ทำให้เกิดสิวได้

พฤติกรรมเสี่ยงเกิดสิวเรื้อรังไม่หายสักที

1. ใช้คลีนเซอร์ไม่เหมาะสม

สบู่หรือโฟมล้างหน้าที่รุนแรงมีแต่สารเคมีที่คอยทำร้ายผิวหน้าของคุณอยู่ แต่หลายๆ คนกลับคิดว่าจะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกสาเหตุของการเกิดสิงได้ดี จริงๆ แล้วควรเปลี่ยนมาใช้คลีนเซอร์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยนดีที่สุด เพราะผู้ที่เป็นสิวนั้นผิวหน้าควรอยู่ในภาวะที่สมดุล ไม่แห้งเกินไปและไม่ปล่อยให้มันเยิ้ม

2. ใช้ยาที่แรงเกินไป หลายคนที่เป็นสิวคงเคยซื้อยาทารักษาสิวมาใช้กันเอง และก็ต้องเลือกตัวยามีเปอร์เซ็นต์เยอะๆ เพราะคิดว่าจะทำให้หายจากสิวได้อย่างฉับไว แต่จริงๆ แล้วยาทาสิวหากใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสมจะทำให้หน้าแห้ง ลอกเป็นขุย และมีอาการแสบ แทนที่จะหายอาจอักเสบขึ้นมาได้ ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ

3. บีบสิวด้วยนิ้วมือ เชื่อว่าทุกคนที่เป็นสิวอดไม่ได้ที่ต้องบีบ เค้น แกะสิวด้วยนิ้วมือ นั้นเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์ เพราะมันจะทำให้เป็นรอยแดง-ดำ ที่รักษาหายกว่าสิว ควรใช้ที่กดสิวอย่างถูกวิธีหรือให้ผู้เชี่ยวชาญกดออกให้

4. แต่งหน้ากลบรอยสิว คนเราคงหนีไม่พ้นต้องออกไปพบปะผู้คนข้างนอก แต่ถ้าต้องไปทั้งรอยสิวกวนใจก็คงใช่เรื่อง หลายคนจึงทำการกลบด้วยรองพื้น บีบีครีม คอนซีลเลอร์ หรือสารพัดสิ่งเพื่อให้รอยดูจางลง แต่นั้นยิ่งทำให้สิวที่กำลังจะหายก็กลับมาโดนสิ่งอุดตันกวนไม่รู้จบ ทางที่ดีหาสกินแคร์ลบเลือนรอยสิวมาใช้แล้วยอมให้คนอื่นเห็นไปสักพักจะดีกว่า

ปัจจัยอื่น ๆ ที่เสี่ยงต่อการเกิด สิว หรือทำให้สิวอักเสบเพิ่มมากขึ้น เช่น การใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่อาจทำให้หน้ามัน การทานอาหารที่ส่งผลทำให้ร่างกายขับไขมันออกมามากขึ้น การใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ ประวัติครอบครัว การสวมใส่เสื้อผ้าแนบเนื้อ เป็นต้น



พฤติกรรมเสี่ยงเกิดสิวเรื้อรังไม่หายสักที

1. ใช้คลีนเซอร์ไม่เหมาะสม

สบู่หรือโฟมล้างหน้าที่รุนแรงมีแต่สารเคมีที่คอยทำร้ายผิวหน้าของคุณอยู่ แต่หลายๆ คนกลับคิดว่าจะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกสาเหตุของการเกิดสิงได้ดี จริงๆ แล้วควรเปลี่ยนมาใช้คลีนเซอร์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยนดีที่สุด เพราะผู้ที่เป็นสิวนั้นผิวหน้าควรอยู่ในภาวะที่สมดุล ไม่แห้งเกินไปและไม่ปล่อยให้มันเยิ้ม

2. ใช้ยาที่แรงเกินไป หลายคนที่เป็นสิวคงเคยซื้อยาทารักษาสิวมาใช้กันเอง และก็ต้องเลือกตัวยามีเปอร์เซ็นต์เยอะๆ เพราะคิดว่าจะทำให้หายจากสิวได้อย่างฉับไว แต่จริงๆ แล้วยาทาสิวหากใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสมจะทำให้หน้าแห้ง ลอกเป็นขุย และมีอาการแสบ แทนที่จะหายอาจอักเสบขึ้นมาได้ ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ

3. บีบสิวด้วยนิ้วมือ เชื่อว่าทุกคนที่เป็นสิวอดไม่ได้ที่ต้องบีบ เค้น แกะสิวด้วยนิ้วมือ นั้นเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์ เพราะมันจะทำให้เป็นรอยแดง-ดำ ที่รักษาหายกว่าสิว ควรใช้ที่กดสิวอย่างถูกวิธีหรือให้ผู้เชี่ยวชาญกดออกให้

4. แต่งหน้ากลบรอยสิว คนเราคงหนีไม่พ้นต้องออกไปพบปะผู้คนข้างนอก แต่ถ้าต้องไปทั้งรอยสิวกวนใจก็คงใช่เรื่อง หลายคนจึงทำการกลบด้วยรองพื้น บีบีครีม คอนซีลเลอร์ หรือสารพัดสิ่งเพื่อให้รอยดูจางลง แต่นั้นยิ่งทำให้สิวที่กำลังจะหายก็กลับมาโดนสิ่งอุดตันกวนไม่รู้จบ ทางที่ดีหาสกินแคร์ลบเลือนรอยสิวมาใช้แล้วยอมให้คนอื่นเห็นไปสักพักจะดีกว่า

สิวสามารถหายได้เอง แต่ภาวะแทรกซ้อนจาก สิว เช่น รอยแดง รอยดำหรือแผลเป็นสิว มักเป็นต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยเฉพาะแผลเป็นสิวที่มีโอกาสเป็นตลอดชีวิต อาจส่งผลกระทบให้ผู้ป่วยเกิดความกังวลและขาดความมั่นใจในระยะยาวได้


สิวมีหลายประเภท ลักษณะและอาการของสิวที่ปรากฏแตกต่างกันไป ได้แก่

1. สิวหัวขาว หรือสิวหัวปิด มีลักษณะคล้ายกับสิวหัวดำ แต่จะเป็นจุดเล็ก ๆ ที่มีสีขาวอุดตันอยู่

มีลักษณะเหมือนเสี้ยน ตามรูขุมขน ลักษณะคล้ายกับการเกิดสิวอุดตัน เกิดจากการสะสมของชั้นขี้ไคลกับการสะสมของขนอ่อนในรูขุมขน ทำให้เกิดเป็นสิวเสี้ยนสีขาวๆ และสิวเสี้ยนสามารถเกิดได้ในรูขุมขนขนาดใหญ่ เช่น จมูก หน้าผาก ระหว่างคิ้ว แผ่นหลัง เป็นต้น

วิธีการรักษา

ควรล้างหน้าให้สะอาดแล้วใช้ยาทาที่ช่วยลดสิวอุตัน จะช่วยให้สิวเสี้ยนหลุดออกได้ง่ายขึ้น ร่วมกับการกดสิว ควรพบแพทย์เพื่อเริ่มทายาอย่างถูกต้องในปริมาณที่เหมาะสม หากใช้เยอะเกินไปอาจแพ้และระคายเคืองผิวได้

2. สิวหัวดำ หรือสิวหัวเปิด เป็นจุดสีดำเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง เกิดจากน้ำมันที่อุดตันในรูขุมขนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มเมื่อสัมผัสกับอากาศบนชั้นผิวหนัง

สิวหัวดำ มีลักษณะเป็นตุ่มนูน เม็ดเล็กๆ มีรูเปิดออกจนเห็นหัวสิว จะเห็นเป็นจุดสีดำ ๆ ซึ่งที่เห็นเป็นจุดสีดำเกิดจากการอุดตันของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แบคทีเรีย และน้ำมันในรูขุมขน ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ จึงทำให้หัวสิวกลายเป็นสีดำ พบได้ทุกที่ทั้งใบหน้า เช่น หน้าผาก จมูก และคาง หน้าอกและหลัง

วิธีการรักษา

มักจะใช้การทายารักษาสิวสำหรับรักษาสิวอุดตันโดยเฉพาะ โดยการทาบางๆ บริเวณที่เป็นสิว เพื่อช่วยลดการอุดตัน และยังสามารถใช้การกดสิวร่วมด้วยได้

3. สิวตุ่มนูนแดง เป็นตุ่มสีแดงขนาดเล็กเป็นก้อนแข็งนูนขึ้น ทำให้เกิดความเจ็บปวดเมื่อสัมผัสโดน

สิวอักเสบจะมีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดใหญ่ ไม่มีหัวสิว อยู่ภายใต้ผิวหนัง เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเป็นก้อนไตและรู้สึกเจ็บ สิวอักเสบอาจจะอยู่ได้นานหลายวันและอาจทำให้เกิดแผลเป็นได้ ซึ่งสาเหตุเกิดจากการที่มีแบคทีเรียเข้าไปอยู่ในรูขุมขน บวกกับความมันบนผิว ทำให้เกิดการอักเสบรุนแรง

วิธีการรักษา

เมื่อเป็นสิวชนิดนี้ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษา ไม่ควรบีบหรือกดสิวออก เพราะจะทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นได้ง่ายขึ้น รวมถึงอาจทำให้เกิด รอยดำ รอยแดง หรือหลุมสิวได้

4. สิวหัวหนอง เป็นผลมาจากการอักเสบบริเวณต่อมเหงื่อและรูขุมขน เกิดเป็นตุ่มที่มีหนองสีขาวอยู่ตรงหัวสิว

มีลักษณะคล้ายกับสิวอักเสบ แต่จะมีหัวหนองอยู่บริเวณกลางตุ่ม พัฒนามาจากสิวอักเสบที่ไม่ได้รับการรักษาทันที อาจเกิดจากสิวมีการติดเชื้อแบคทีเรียอื่นแทรกซ้อน

วิธีการรักษา

ล้างหน้าแบบอ่อนโยนและล้างให้สะอาด ไม่ควรใช้สครับขัดผิวหน้าเด็ดขาด เพราะจะยิ่งเพิ่มการระคายเคือง ควรใช้ยาแต้มสิวร่วมด้วยและสามารถใช้แผ่นดูดสิวซับหนองออกได้

5. สิวซีสต์ ตุ่มสิวขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายฝี ภายในเป็นหนองอักเสบ เป็นสิวอักเสบที่รุนแรงที่สุด สัมผัสแล้วจะเกิดความเจ็บปวด

มีลักษณะคล้ายกับสิวอักเสบ แต่จะมีหัวหนองอยู่บริเวณกลางตุ่ม พัฒนามาจากสิวอักเสบที่ไม่ได้รับการรักษาทันที อาจเกิดจากสิวมีการติดเชื้อแบคทีเรียอื่นแทรกซ้อน

วิธีการรักษา

ล้างหน้าแบบอ่อนโยนและล้างให้สะอาด ไม่ควรใช้สครับขัดผิวหน้าเด็ดขาด เพราะจะยิ่งเพิ่มการระคายเคือง ควรใช้ยาแต้มสิวร่วมด้วยและสามารถใช้แผ่นดูดสิวซับหนองออกได้

6. สิวอักเสบหัวแข็ง คล้ายสิวตุ่มธรรมดา แต่ตุ่มจะเป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่ลึกลงไปในชั้นผิวหนัง

สิวหัวช้าง มีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่ แข็งเป็นไต เกิดจากการอักเสบของต่อมไขมันที่อยู่ลึกลงไปใต้ชั้นผิวหนัง จนกลายเป็นหนองจับตัวเป็นถุงซีสต์ขนาดใหญ่ในชั้นผิว มักเป็นบริเวณหน้าผาก ขมับ คาง และจมูก เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บมาก ไม่มีหัวสิวหนองโผล่ให้เห็น

วิธีการรักษา

ใช้ครีมรักษาสิวที่มีเรตินอยด์มาทาที่สิว แต่ทางที่ดีที่สุดควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาสิวหัวช้างอย่างถูกวิธี เพราะเมื่อเราบีบหรือเค้นหนองออกจากสิว เมื่อสิวหายจะทำให้เกิดหลุมสิวและเกิดรอยดำขนาดใหญ่ ทำให้มีรอยเป็นแผลเป็นบนใบหน้าได้

7.สิวผด

สิวผด จะมีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ แดงๆ เหมือนผดทั่วไป มีขนาดเท่าๆ กัน เป็นสิวที่ไม่มีหัว เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถกดหรือบีบออกมาเหมือนสิวประเภทอื่นๆ เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกสากมือ ส่วนใหญ่มักขึ้นบริเวณไรผม หน้าผาก คาง อาจจะมีอาการสิวเห่อแดงขึ้นเมื่อเจอแสงแดด หรือบางคนก็มีตุ่มหนองอักเสบร่วมด้วย



วิธีการรักษา

ควรล้างหน้าให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาสิว ไม่ควรเอามือไปจับใบหน้า มาส์กหน้าด้วยวิธีธรรมชาติ อย่านอนดึกและลดความเครียด ถ้าเป็นสิวผดแบบไม่อักเสบไม่ต้องพบแพทย์ แต่ถ้าเป็นสิวผดแบบอักเสบควรพบแพทย์เพื่อรักษาต่อไป

8. สิวฮอร์โมน เป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่หรือมีอาการสิวเห่อขึ้นบริเวณรอบปาก คาง และแก้ม ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นในช่วงก่อนมีประจำเดือน

ปัจจัยที่ทำให้เกิดแผลเป็นสิว

  • สิวอักเสบรุนแรง

  • มีประวัติคนในครอบครัวมีแผลเป็นสิว

  • การบีบหรือแกะสิว

  • การไม่ได้รับการรักษาสิวอย่างถูกต้องนานเกิน 1 ปี

เมื่อต้องเผชิญฝุ่น สภาพอากาศร้อน-ชื้น และความเครียดที่ส่งผลต่อผิวหน้าของเราโดยตรง ผิวเนียนใส ไร้ริ้วรอย ได้ต้องแก้ให้ถูกจุด หนึ่งในปัญหาผิวที่มักจะเกิดตามมาก็คือสิว ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ และหากมีปัญหาสิวที่หลากหลายชนิด แน่นอนว่าวิธีจัดการย่อมแตกต่างกันออกไป


 

อ่านเพิ่มเติม ได้ที่ รักษาสิว รู้ลึก

ติดตามอ่านบทความดีๆ ได้ที่beautymustknow.com

กันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/ website : Kandabeauty.com

ดู 2 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page