สกินแคร์ บำรุงผิว แยกประเภทผิวให้สวยใสสมวัย
พูดถึงความสำคัญของการเลือก สกินแคร์ บำรุงผิว ที่ตอบโจทย์กับสภาพผิวและการเลเยอร์สกินแคร์แต่ละประเภทที่จะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบำรุง เรามาตวจสอยสภาพผิวก่อน เพื่อให้ทราบว่าเรามีสภาพผิวประเภทไหน สกินแคร์รูทีนขึ้นพื้นฐานสำหรับทุกช่วงอายุและสภาพผิวอย่างไร
สกินแคร์ที่ช่วยบำรุงในส่วนอื่นๆ เพิ่มขึ้น และเติมเต็มการบำรุงผิวเลือกสกินแคร์ที่ถูกต้องกับผิวแล้ว การทำงานของสกินแคร์ก็จะได้ประสิทธิภาพการ บำรุงผิว ที่ถูกต้องและได้ผลมากกว่าเดิม และประเภทของสกินแคร์อื่นมีประโยชน์ในการบำรุงผิวที่แตกต่างกันมาฝาก
การเช็คประเภทของผิว เช็คเครื่องสำอางเมคอัพออกให้หมด แล้วล้างผิวหน้าให้สะอาด เพื่อเช็คสภาพผิวของตัวเองว่าเป็นผิวประเภทไหน สามารถเช็คผิวได้ที่ข้างล่างนี้เลยจ้าา
ผิวแห้ง หลังล้างหน้าผิวจะรู้สึกแห้งตึง อาจมีความสากผิว เป็นขุย ไม่รู้สึกชุ่มชื้น จับหน้าแล้วรู้สึกหยาบกร้าน
ผิวมัน หลังล้างหน้า ผ่านไปสักพัก เมื่อสังเกตที่รูขุมขนจะมีความมันออกมาเห็นได้ชัด ทั่วทั้งหน้า
ผิวผสม ผิวจะมันบริเวณช่วง T Zone (คาง จมูก หน้าผาก) และ แห้งบริเวณ U Zone (แก้ม แนวกราม)
ผิวธรรมดา เป็นผิวที่สมบูรณ์ที่สุด! เพราะไม่มีทั้งความมัน และ ความแห้ง รูขุมขนเล็ก ไม่ค่อยมีสิว
ผิวบอบบางแพ้ง่าย ผิวอาจจะมีความแห้งตึง เกิดสิว ผดผื่น แพ้ได้ง่าย ๆ
สกินแคร์แยกประเภทผิว
ผิวแห้ง คือผิวที่ผลิตน้ำมันออกมาได้น้อย ผิวไม่ค่อยแข็งแรง อาจเกิดปัญหาผิวแห้ง หลุดลอก เป็นขุยได้มากกว่าผิวประเภทอื่น เหมาะกับสกินแคร์ที่ให้ความชุ่มชื่นกับผิว เน้นประเภท Moisturizer หากใครที่ผิวแห้งมาก ๆ ควรเน้นเนื้อครีมที่เนื้อเข้มข้น ที่จะช่วยเคลือบผิว และ กักเก็บความชุ่มชื่นให้ผิวได้นานขึ้น
ผิวมัน เป็นผิวที่มีรูขุมขนกว้างอย่างเห็นได้ชัด ผิวผลิตน้ำมันออกมาได้เยอะมากจึงก่อให้เกิดปัญหาสิว สำหรับสกินแคร์ที่เหมาะกับคนผิวมันคือ การปรับปริมาณน้ำให้กับผิวให้สมดุล โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ ที่ไม่มีน้ำมัน ควรเลือกใช้สกินแคร์ เนื้อที่บางเบา เช่น เนื้อน้ำ เนื้อเซรั่ม เนื้อเจล เพื่อลดการอุดตันง่าย และ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวมันโดยเฉพาะ อย่าง Oil Control/Oil Free ค่ะ
ผิวผสม เรียกง่าย ๆ ก็คือเป็นผิวที่ทั้งมัน และ แห้ง ในผิวเดียวกัน เป็นผิวที่เหมาทุกประเภทผิวมาอยู่ในหน้าเดียวกัน ส่วนของผิว บริเวณ T Zone (คาง จมูก หน้าผาก) จะมีความมันง่ายกว่าบริเวณอื่น เกิดสิวได้ง่าย โดยผิวแบบนี้จะดูแลให้เกิดความสมดุล โดยสกินแคร์ที่เลือกใช้ ในตอนเช้า ให้เน้นบำรุงโดยการใช้ผลิตภัณฑ์ ของประเภทผิวแห้ง และ ในช่วงตอนกลางคืน ให้ใช้ ผลิตภัณฑ์ ของประเภทผิวมัน ค่ะ
ผิวธรรมดา เป็นผิวที่สมดุล ไม่แห้ง และ ไม่มัน จนเกินไป ใครที่มีผิวแบบนี้น่าอิจฉาสุด ๆ !! เพราะจะไม่ค่อยมีปัญหาผิวเท่าไร แต่ก็ยังคงเปลี่ยนไปตามสภาพการใช้ชีวิต ถ้าหากนอนดึก พักผ่อนน้อย ก็อาจเกิดสิว และ ผิวแห้ง ขึ้นได้ ดังนั้นคนที่มี ผิวธรรมดา ควรใช้สกินแคร์ที่ให้ความชุ่มชื้นทั่วไปในตอนกลางวัน อาจเลือกเป็นเนื้อเจลเพื่อให้เข้าสู่ผิวได้ง่าย และ ใช้สกินแคร์ที่ชุ่มชื้นมาก ๆ ในตอนกลางคืน อย่างเนื้อครีมเข้มข้น หรือ เนื้อออยล์ เป็นต้นค่ะ
ผิวบอบบาง แพ้ง่าย เป็นสภาพผิวที่ต้องดูแล รักษาสุด ๆ เพราะแค่เจอฝุ่น ครีมที่มีสารเคมีที่ไม่ถูกกับหน้า ก็อาจเกิดอาการแพ้ คัน แห้งลอก เป็นผื่นขึ้นได้ ถ้าอาการหนักก็อาจจะบวม แสบ โดยคนที่มีผิวบอบบาง ควรเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ ที่เหมาะสำหรับคนผิวแพ้ง่าย อย่างเวชสำอาง สกินแคร์ที่ผ่านการทดสอบแล้ว เลือกที่อ่อนโยนต่อผิวโดยผ่านการทดสอบมาแล้วค่ะ หลีกเลี่ยง ส่วนผสมที่เป็นกรด AHA , BHA เพราะอาจทำให้ระคายเคืองได้
ประเภทของสกินแคร์ (Skincare)
1.เมคอัพรีมูฟเวอร์ (Makeup Remover) หรือ คลีนซิ่ง (Cleansing) คือ ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอาง มีลักษณะเป็นของเหลว เช่น ออยล์ เจล น้ำ เป็นต้น วิธีใช้มีทั้งแบบหยดลงบนสำลีแล้วเช็ดทำความสะอาดผิวหน้า หรือนวดลงบนผิวหน้าแล้วค่อยใช้สำลีเช็ดออก เป็นการทำเพื่อล้างเครื่องสำอาง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่แต่งหน้าแล้วลงรองพื้น (Foundation) บีบี (BB Cream) ไพรเมอร์ (Primer) รวมไปถึงครีมกันแดด เพราะเมคอัพรีมูฟเวอร์จะช่วยเช็ดเครื่องสำอางเหล่านี้ออกจนหมดก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ (Cleanser) คือ สบู่ หรือโฟม ทำให้เครื่องสำอาง สิ่งสกปรก คราบมัน ไม่อุดตันบนใบหน้า เมคอัพรีมูฟเวอร์มีหลายประเภทให้เลือก ยกตัวอย่างเช่น
คลีนซิ่งวอเตอร์
คลีนซิ่งมิลค์ (Cleansing Milk)
คลีนซิ่งออยล์ (Cleansing Oil)
คลีนซิ่งเจล (Cleansing Gel)
2.คลีนเซอร์ (Cleanser) คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าหลังจากที่ล้างเครื่องสำอางออกแล้ว คลีนเซอร์จะทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ยังตกค้างในรูขุมขน และควรใช้ในทุกเช้าหลังตื่นนอน ไม่ใช่เฉพาะหลังล้างเครื่องสำอาง คลีนเซอร์มีหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น
สบู่ก้อน (Soap)
เจลล้างหน้า (Gel)
โฟมล้างหน้า (Foam)
3.โทนเนอร์ (Toner) หลังจากทำความสะอาดใบหน้าด้วยคลีนซิ่งและคลีนเซอร์แล้ว การใช้โทนเนอร์ (Toner) จะช่วยเก็บกวาดสิ่งสกปรกที่ตกค้างเป็นขั้นตอนสุดท้าย และเตรียมพร้อมผิวสำหรับการบำรุงด้วยสกินแคร์ในขั้นตอนต่อไป โทนเนอร์มีลักษณะเป็นโลชั่นเนื้อบาง และมักมีวิตามินและเกลือแร่บำรุงผิว วิธีใช้คือเทโทนเนอร์ลงบนสำลีแผ่นแล้วเช็ดทำความสะอาดเบาๆ ทั่วใบหน้าโดยเช็ดจากล่างครึ่งบนเพื่อเปิดรูขุมขน
4.เอสเซนส์ (Essence) หรือที่สาวๆ เรียกกันติดปากว่าน้ำตบ คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าในขั้นแรก มีลักษณะเป็นน้ำเหลวใส เบาบาง ส่วนผสมไม่เข้มข้นเท่าเซรั่ม จึงซึมสู่ผิวได้เร็วกว่า และเหมาะกับทุกสภาพผิว วิธีใช้ก็สมกับชื่อน้ำตบ คือเทลงบนฝ่ามือแล้วตบเบาๆ บริเวณแก้ม หน้าผาก คาง เพื่อให้ซึมซาบเข้าสู่ผิว
5.เซรั่ม (Serum) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เนื้อเข้มข้นกว่าเอสเซนส์ จึงเห็นผลได้ไวกว่า เซรั่มมีส่วนผสมของน้ำมัน จึงไม่เหมาะกับคนที่มีผิวมัน เซรั่มสามารถแก้ปัญหาผิวได้อย่างเจาะจง เช่น แก้ปัญหาสิว ริ้วรอย จุดหมองคล้ำ วิธีใช้คือเทเซรั่มลงบนฝ่ามือแล้วทาให้ทั่วใบหน้า
6.อีมัลชั่น (Emulsion) คือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เนื้อบางเบา มีส่วนผสมของโลชั่นและครีมแต่ออกไปทางโลชั่นมากกว่า เหมาะทั้งคนผิวแห้ง และผิวมัน เพราะอีมัลชั่นช่วยคงความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึ่งสำหรับผิวมันเกิดจากผิวขาดน้ำรูขุมขนจึงผลิตน้ำมันออกมา การเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยอีมัลชั่นจะลดความมันบนใบหน้าได้นั่นเอง
7.โลชั่น (Lotion) ไม่ใช่สกินแคร์สำหรับ บำรุงผิว กายเท่านั้น แต่ยังมีแบบบำรุงผิวหน้าด้วย ซึ่งจะมีเนื้อที่เข้มข้นกว่าอีมัลชั่นเพราะมีน้ำมันมากกว่า แต่จะเหลวกว่าเนื้อครีม การทาโลชั่นช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยเคลือบผิวชั้นนอกเพื่อลดการสูญเสียน้ำ เหมาะทั้งผิวธรรมดาและผิวผสม นอกจากนิ้สกินแคร์ทางฝั่งเอเชียก็มีผลิตภัณฑ์โลชั่นที่เป็นเป็นน้ำคล้ายโทนเนอร์และเอสเซนส์ ซึ่งไว้ใช้เป็นน้ำตบได้เช่นกัน
8.ครีม (Cream) เป็นสกินแคร์ที่ได้รับความนิยมที่สุด และมีส่วนผสมของน้ำมันเยอะที่สุด จึงมีเนื้อเข้มข้นที่สุด แม้จะใช้เวลาในการซึมซาบสู่ผิวนานกว่าแบบอื่นๆ แต่ก็ช่วยคงความชุ่มชื้นได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง หรือทาในช่วงอากาศหนาว เพราะมีน้ำมันช่วยเคลือบผิวป้องกันการสูญเสียน้ำ
9.ผลิตภัณฑ์กันแดด (Sunscreen) เป็นสกินแคร์ที่ใช้ในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี (Ultraviolet Radiation: UV) เนื่องจากรังสียูวีจะทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเหี่ยวย่น และยังทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ และฝ้ากระตามมา ถ้าร้ายแรงก็อาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังด้วย ซึ่งผลิตภัณฑ์กันแดดจะมีทั้งแบบดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลตเอาไว้ กับแบบที่สะท้อนรังสีอัลตราไวโอเลตออกไป และยังมีให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้งแบบครีม โลชั่น เจล ขี้ผึ้ง และสเปรย์
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมีผลต่อผิว โดยเฉพาะหน้าหนาว ถึงอากาศเย็นจะทำให้รู้สึกสบายผิวแต่ก็ทำให้ ผิว หยากกร้าน ได้ง่ายและยังมาจากไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ล้วนเป็นต้นตอให้เกิดผิวแห้งมากนั้นเองค่ะ
อ่านเพิ่มเติม ได้ที่ สกินแคร์ บำรุงผิว
ติดตามอ่านบทความดีๆ ได้ที่beautymustknow.com
กันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/ website : Kandabeauty.com
Comments