top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนniracha payyakul

สิว คลีนหน้า ขจัดสิ่งสกปรก กระชับรูขุมขนปรับสภาพผิว

สิว คลีนหน้า ขจัดสิ่งสกปรก กระชับรูขุมขนปรับสภาพผิว

บำรุงผิวหรือล้างหน้าสะอาดแค่ไหนก็ไม่เกิดผล คุณอาจจะกำลังมีนิสัยในการทำความสะอาดผิวหน้าผิด ๆ เป็น สิว คลีนหน้า ล้างสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขนสาเหตุหลักของการเกิดสิว คลีนซิ่งช่วยดูดจับเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจด! เช็ดเบาๆ หน้าก็สะอาดใส แม้แต่บริเวณรอบดวงตาที่มีอายไลเนอร์ อายแชโดว์แน่นๆ ก็สะอาดได้แบบไม่ต้องออกแรงถูเลยค่า



สิว คือ การอุดตันของระบบต่อมไขมันในรูขุมขน ซึ่งตามปกติแล้ว ไขมันที่สร้างจากต่อมไขมันจะออกมาตามรูขุมขน หากมีการอุดตันของทางเดินก็จะทําให้เกิดสิวอุดตันขึ้น ซึ่งจะพบเป็นลักษณะตุ่มเม็ดเล็กๆ เป็นไตสีขาวๆ อยู่ข้างใน หากมีตัวกระตุ้นเพิ่มเติม เช่น แบคทีเรีย ก็อาจจะทําให้เกิดการอักเสบได้ และหากสิวอักเสบมากขึ้นแล้ว ก็จะกลายเป็นตุ่มหนอง เป็นสิวหัวช้าง และเป็นซีสต์ได้ สาเหตุหนึ่งคือการทำความสะอาดผิวไม่ถูกวิธี หรือเลือกคลีนซิ่งไม่เหมาะกับสภาพผิวนั่นเอง


ส่วนใหญ่มักจะต้องแต่งหน้าออกจากบ้านกันทั้งนั้น เมื่อแต่งหน้าแล้ว แต่ไม่ล้างหน้าให้สะอาด ก็ย่อมทำให้เกิด สิว หรือ ปัญหาผิวหน้าต่างๆตามมาได้อีกเยอะเลยนะคะ ดังนั้นสาวๆควรจะเลือกใช้คลีนซิ่งสําหรับคนเป็นสิวเพื่อเช็ดเครื่องสำอางที่สามารถช่วยเช็ดใบหน้าได้อย่างสะอาดหมดจด สําหรับคนเป็นสิวที่สามารถช่วยคุมมัน และ ลดสิวลงได้มาฝากกัน



คลีนซิ่ง (Cleansing) คืออะไร ?

คลีนซิ่ง เป็นเครื่องสำอาง หรือ make up remover หลักๆ เจ้าตัวคลีนซิ่งจะทำหน้าที่ขจัดคราบเครื่องสำอางออกไปเท่านั้น ซึ่งหากสาวๆ คนไหนที่แต่งหน้าหรือทาครีมกันแดดเป็นประจำ ควรใช้คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมดก่อนล้างหน้า เพราะในเครื่องสำอางและครีมกันแดดหลายๆ ตัวนั้นมีคุณสมบัติของการกันน้ำอยู่ ถ้าไม่เช็ดเครื่องสำอางหรือครีมกันแดดเหล่านั้นออกให้หมดก่อน ก็อาจจะทำให้เกิดการอุดตันของสิ่งสกปรกที่มาจากคราบเครื่องสำอางเก่าจนก่อให้เกิดสิวได้ค่ะ

คลีนซิ่งแต่ละประเภท

คลีนซิ่งมีหลายแบบมากค่ะ ซึ่งก็สามารถเลือกใช้ได้ตามลักษณะผิวของเราได้เลย เช่น

  • สูตรน้ำนม (Cleansing Milk): เหมาะกับผิวมัน

เพราะเป็นคลีนซิ่งเนื้อเบา ไม่มีความมันจากน้ำมัน สาวผิวมันจึงใช้ได้

  • สูตรออยล์ (Cleansing Oil): เหมาะกับผิวแห้ง

ซึ่งช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและอ่อนโยนต่อผิวแห้งได้มากขึ้น แต่ไม่เหมาะกับสาวผิวมันและคนที่กำลังเป็นสิวอยู่ เพราะจะทำให้เกิดผิวมันและเกิดสิวมากกว่าเดิม

  • สูตรเจล (Cleansing Gel): เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย

ไม่ทำให้ผิวระคายเคืองหรือแห้งตึง แต่ด้วยความที่มีเนื้อบางเบามากจึงอาจจะต้องใช้เวลาในการทำความสะอาดนานนิดนึงนะคะ

  • สูตรน้ำ (Cleansing Water): เหมาะสำหรับสาวทุกสภาพผิว

เพราะเป็นคลีนซิ่งที่บางเบามาก ๆ ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคือง ทำให้เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวเลยทีเดียวค่ะ

โครงสร้างชั้นผิวหนัง

ผิวหนังของคุณทำหน้าที่สำคัญหลายอย่างและทั้ง 3 ชั้นของผิวหนังต่างก็มีบทบาทในหน้าที่เหล่านั้น

  • ผิวหนังชั้นกำพร้า ชั้นอีพิเดอมิสหรือชั้นหนังกำพร้าเป็นชั้นบนสุดของผิวหนัง ซึ่งประกอบด้วยเซลล์ผิวหลายล้านเซลล์ยึดติดกันด้วยไขมัน ซึ่งทำให้เกิดเกราะป้องกันที่ยืดหยุ่นและมีหน้าที่ควบคุมปริมาณน้ำที่ระเหยออกจากร่างกายของคุณชั้นนอกสุดของชั้นหนังกำพร้าหรือชั้นสตราตัม คอร์เนียม (stratum coreneum) ประกอบด้วยชั้นของเซลล์รูปร่างแบน บริเวณชั้นล่างสุดของชั้นหนังกำพร้าคือชั้นเบเซิล (basal layer) ซึ่งประกอบด้วยโปรตีนที่เรียงตัวกันเป็นชั้น ๆ ในแนวตั้งเหมือนคอลัมน์และเป็นบริเวณที่สร้างเซลล์ผิวใหม่ โดยชั้นนี้เป็นเพียงส่วนเดียวของหนังกำพร้าทั้ง 5 ส่วนที่นิวเคลียสของเซลล์มีการแบ่งตัว (mitosis) เซลล์ผิวที่ตายแล้วจะหลุดออกจากชั้นบนสุด และเซลล์ผิวที่เกิดใหม่จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวจากชั้นเบเซิลขึ้นมาทดแทนผิวชั้นบนหนังกำพร้าของคุณประกอบด้วยเซลล์ 4 ประเภท ซึ่งส่วนใหญ่คือคีราติโนไซต์ (keratinocytes) ซึ่งประกอบกันเป็นเกราะป้องกันน้ำ เมลานินหรือเม็ดสีถูกผลิตในเซลล์เมลาโนไซด์ (melanocytes) ของหนังกำพร้า เซลล์แลงเกอร์ฮานส์ (Langerhans) และเมอร์เคลส์ (Merkel) เป็นเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิต้านทานและการรับความรู้สึกตามลำดับ

  • ผิวหนังชั้นแท้ ชั้นต่อไปของผิวหนังคือชั้นเดอมิสหรือชั้นหนังแท้ ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ใต้ชั้นหนังกำพร้าและมีหน้าที่หลากหลาย ในชั้นนี้จะมีรากผม, เส้นประสาท, เส้นเลือด และต่อมเหงื่อที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายและกำจัดของเสีย ผิวชั้นหนังแท้ยังมีต่อมไขมัน (sebaceous) ที่ช่วยให้ผิวของคุณดูนุ่มนวลเรียบเนียนและกันน้ำด้วย ผิวชั้นหนังแท้มี 2 ส่วนคือ ชั้นพาพิลารี่ (papillary) และชั้นเรคติคิวล่าร์ (reticular) ชั้นพาพิลารี่มีลักษณะเป็นคลื่นเว้าเข้าไปในชั้นหนังกำพร้าซึ่งช่วยในการส่งเลือดและสารอาหารให้กับหนังกำพร้า ชั้นเรคติคิวล่าร์เป็นชั้นที่มีความหนาและอยู่ลึกลงไปซึ่งเป็นชั้นที่มีคอลลาเจนและอีลาสตินที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง นอกจากนั้นในชั้นนี้ยังมีรูขุมขนและต่อมขุมขนอยู่ด้วย

  • เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเป็นชั้นใต้สุดของระบบปกคลุมร่างกาย ซึ่งเป็นบริเวณที่ใช้เก็บสะสมไขมัน เนื้อเยื่อส่วนนี้ประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ยึดผิวหนังชั้นหนังแท้กับกล้ามเนื้อและกระดูก และยังช่วยรองรับหลอดเลือด, เส้นประสาท และต่อมต่าง ๆ ในผิวชั้นหนังแท้


องค์ประกอบของผิวหนัง

ส่วนประกอบพื้นฐานของผิวหนังเป็นกลุ่มของโปรตีน, ไขมัน และเปปไทด์ที่ให้ความยืดหยุ่นและความแข็งแรง โดยมีองค์ประกอบหลักคือ

  • อีลาสติน – โปรตีนที่สร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันยืดหยุ่น พบในผิวชั้นหนังแท้

  • เคราติน – โปรตีนที่เป็นโครงสร้างสำคัญของผิวหนังชั้นนอกสุด

  • คอลลาเจน – กรดอะมิโนสายยาวซึ่งเป็นโครงสร้างของโปรตีนส่วนใหญ่ที่พบในผิวหนัง

  • ไขมัน – ‘ปูน’ ธรรมชาติที่ช่วยกักเก็บความชื้นและยึดเซลล์เข้าไว้ด้วยกัน

  • เปปไทด์ – สายโซ่ของกรดอะมิโนที่ส่งสัญญาณให้เซลล์ทำงาน

สัญญาณบอกอาการผิวขาดน้ำ

สาว ๆ หลายท่านอาจจะเคยเจอปัญหาผิวแห้ง ผิวขาดน้ำกันมาบ้างไม่น้อย บางคนอาจจะคิดว่าผิวแห้งกับผิวขาดน้ำนั้นเหมือนกัน แต่ที่จริงแล้วผิวแห้งกับผิวขาดน้ำนั้นมีความแตกต่างกันดังนี้

  • ผิวแห้ง เป็นลักษณะหนึ่งของผิว ซึ่งมีหลายประเภท (ผิวปกติ ผิวแห้ง ผิวมัน ฯลฯ) โดยผิวแห้งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น อยู่ในสภาพอากาศที่เย็นหรือความชื้นต่ำ ทำงานในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศเป็นเวลานาน หรือการแช่หรืออาบน้ำร้อนเป็นเวลานาน โดยคนที่มีผิวแห้งมักจะรู้สึกตึงผิวภายนอก ผิวหยาบกร้าน ผิวลอกเป็นขุย ไม่น่าสัมผัส หรือมีผิวแตก เป็นต้น

  • ผิวขาดน้ำ เป็นอาการของผิวหนังที่มีน้ำอยู่ใต้ชั้นผิวหนังน้อย จากการดื่มน้ำไม่เพียงพอหรือมีการสูญเสียน้ำในภาวะขาดน้ำ ทำให้ผิวมีลักษณะหมองคล้ำ ดูไม่สดใส หรืออาจมีผิวมันสลับกับผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น หากปล่อยให้ผิวขาดความชุ่มชื้นไปเป็นเวลานาน อาจพบกับรอยเหี่ยวย่น ริ้วรอยบนผิวหนังได้ชัด โดยเฉพาะช่วงหน้าผาก ร่องแก้ม รอบดวงตา บริเวณริมฝีปาก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณแสดงอาการภาวะขาดน้ำของร่างกายได้เช่นกัน

การล้างหน้าที่ส่งเสียต่อผิวหน้า

1. ใช้น้ำอุ่นล้างหน้า

ล้างน้ำอุ่นจะช่วยเปิดรูขุมขนและเข้าไปทำความสะอาดให้สิวหายไป แต่ไม่จริงเลยค่ะ การใช้น้ำอุ่นล้างหน้ามีผลทำให้ผิวแห้งได้ เพราะน้ำอุ่นจะล้างน้ำมันที่คอยหล่อเลี้ยงผิวให้ผิวเรามีความสมดุลออกไปมาก ซึ่งทำให้น้ำมันระหว่างเซลล์ที่คอยปกป้องผิวหน้าเราจะถูกชะล้างออกไปได้ง่ายขึ้น เราควรจะใช้น้ำธรรมดาที่มีอุณหภูมิปกติในการล้างหน้าประจำวันค่ะ

2. ล้างหน้าบ่อยเกินไป

การล้างหน้าบ่อย ๆ ระหว่างวันเป็นเรื่องดี แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยค่ะ เพราะการล้างหน้าบ่อย ๆ จะทำให้หน้าของเราแห้งตึงจนทำให้ผิวผลิตน้ำมันเพิ่มออกมาอีก จนกลายเป็นปัญหาหน้ามันเกินพอดีและสามารถทำให้เกิดสิวตามมาอีกและยิ่งถ้าเป็นสิวอยู่แล้วการล้างหน้าบ่อย ๆ จะทำให้ระคายเคืองผิวได้ค่ะ ทางที่ดีเราควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เวลาเช้าและเย็นก็พอแล้ว

3. ล้างหน้าหลังออกกำลังกายทันที

เวลาออกกำลังกายเสร็จเหนื่อย ๆ หน้าของเราก็จะมีเหงื่อและไขมันผุดออกมาจากรูขุมขน ซึ่งสิ่งพวกนี้จะทำให้หน้าของเรามันมาก และแน่นอนว่าทุกคนก็ต้องกลัวว่าหน้ามันจะทำให้เป็นสิวขึ้นมา เลยต้องรีบไปล้างหน้าล้างตาให้สะอาด แต่ความจริงการล้างหน้าหลังออกกำลังกายทันทีเป็นเหตุทำให้เกิดสิวเลยแหละ เพราะหลังจากที่เราออกกำลังกายเสร็จใหม่ ๆ เหงื่อที่ไหลออกมามันจะยังไม่หยุดไหลทันที แต่เรากลับรีบไปล้างหน้า ซึ่งจะทำให้รูขุมขนหดลงตอนที่เหงื่อและไขมันกำลังไหลอยู่ และยิ่งถ้าล้างไม่สะอาดจะทำให้เกิดสิวอุดตันได้ค่ะ

4. ใช้ผ้าเช็ดเร็ว ๆ ให้หน้าแห้งไว การถูหรือเช็ดหน้าแรง ๆ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้ เพราะผิวที่เป็นสิวจะตอบสนองไว เมื่อโดนกระตุ้นบ่อย ๆ ก็จะทำให้สิวลุกลามไปมากขึ้นจนสิวอุดตันไม่ยอมหายสักที แถมการเช็ดหน้าแรง ๆ อยากทำให้เกิดสิวผดตามมาได้ด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นใครที่เป็นสิวก็ไม่ควรทำอะไรรุนแรงกับผิวหน้าเด็ดขาด ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเอาน้ำออกอย่างนุ่มนวลก็พอค่ะ ที่สำคัญไม่ควรเอามือไปสัมผัสหน้าบ่อย ๆ นะคะเพราะอาจจะเป็นการแพร่เชื้อสิวได้ค่ะ

5. ล้างหน้ากับฝักบัว

เราไม่ควรล้างหน้าด้วยฝักบัวเด็ดขาด เพราะตอนที่สาว ๆ กำลังอาบน้ำมักจะเผลอเอาฝักบัวมาล้างหน้าด้วย แต่ความจริงเป็นเรื่องที่ต้องห้ามเลยล่ะค่ะ เพราะว่าน้ำจากฝกบัวจะมีแรงดันค่อนข้างแรงทำให้ความมันบนใบหน้าถูกชะล้างออกไปหมดโดยเฉพาะกับคนที่ผิวแห้งยิ่งไม่ควร เพราะนอกจากทำให้ผิวแห้งแล้วยังมีผลทำให้รูขุมขนเรากว้างขึ้นอีกด้วย เราควรจะล้างหน้าด้วยการชะล้างด้วยการสัมผัสจากมือเบา ๆ ก็พอ เพราะใบหน้าของเราต้องการความอ่อนโยนเป็นพิเศษค่ะ

6. ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าที่มีเม็ดสครับ

คนที่เป็นสิวควรงดการขัดผิวหน้าจนกว่าจะหายดีค่ะ เพราะการขัดผิวหน้าหรือสครับผิวหน้าจะไปกระตุ้นให้เกิดสิวหรือสิวอักเสบได้มากขึ้น สครับที่มีกรดธรรมชาติสูง ๆ อย่าง AHA BHA จะทำให้ผิวที่เป็นสิวเกิดอาการอักเสบและเกิดการระคายเคือง หรือไม่ก็ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ แต่ไม่แนะนำให้สครับผิวหน้าช่วงที่เป็นสิวดีกว่าค่ะ



7. ใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าหลังล้างหน้า

สำหรับคนที่เป็นสิว การใช้โทนเนอร์เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเลยค่ะ แค่เช็ดทำความสะอาดด้วยคลีนซิ่งก่อนล้างหน้าก็เพียงพอแล้ว เพราะโทนเนอร์อาจเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวแบบไม่รู้ตัวก็ได้ โทนเนอร์ส่วนใหญ่มักจะมีแอลกอฮอล์และสารเคมีอื่น ๆ ผสมอยู่ด้วย ซึ่งทำให้ผิวหน้าของคนเป็นสิวระคายเคืองได้ ใครที่กำลังใช้โทนเนอร์อยู่แล้วสิวไม่ยอมหายสักทีสิ่งนี้อาจจะเป็นต้นเหตุก็ได้นะคะ

8. ใช้คลีนซิ่งไม่เหมาะกับผิวหน้า

คนที่มีผิวหน้ามันหรือเป็น สิว ควรจะใช้คลีนซิ่งแบบน้ำหรือจะเป็นแบบ Micellar Water ซึ่งเหมาะกับผิวแพ้ง่ายที่มักเป็นสิวได้ง่ายเช่นกัน มีความเบาบางไม่ระคายเคืองผิว เพราะมีส่วนผสมของน้ำมันน้อยหรือไม่มีเลย ทำให้เวลาเช็ดเครื่องสำอางจะไม่เหนียวหน้า ไม่มีความมันตกค้าง แต่เหมาะกับคนแต่งหน้าบาง ๆ ที่ไม่ต้องเช็ดซ้ำ ๆ หลายรอบ เนื่องจากคนเป็นสิวก็ไม่ควรที่จะแต่งหน้าหนาอยู่แล้วค่ะ แต่เราก็ไม่ควรชะล่าใจเพราะต้องล้างเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกบนใบหน้าก่อนนอนทุกครั้งไม่อย่างนั้นปัญหาสิวจะตามมาอย่างแน่นอนค่ะ


ทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึกถึงรูขุมขน ขจัดความมันส่วนเกิน สิ่งสกปรก และเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว อ่อนโยนด้วยสูตรน้ำนม ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง มีมอยซ์เจอร์ที่ช่วยให้ผิวแลดูกระชับและชุ่มชื้นมากขึ้น ช่วยฟื้นบำรุงผิว ลดการอุดตันและการอักเสบของสิว อีกทั้งยังช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสและมีสุขภาพดี


การใช้คลีนซิ่งลบเครื่องสำอางทำให้ผิวหน้าของเราสะอาดไม่เกิดสารตกค้างใสชั้นผิวแล้ว ยังเป็นการถนอมผิวการการทำร้ายผิวแบบรุนแรงจนเกิดปัญหาผิว ริ้วรอย ยกระชับ เคล็ดลับวิธีการดูแลตัวเองตัวเองที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน

 

อ่านเพิ่มเติม ได้ที่ สิว คลีนหน้า

ติดตามอ่านบทความดีๆ ได้ที่beautymustknow.com

กันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/ website : Kandabeauty.com

ดู 6 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page