สิวอักเสบ ผิวลอก เกิดอาการระคายเคืองของผิวแก้ได้
ปัญหาผิวที่ทำให้เรารู้สึกกังวลและขาดความมั่นใจ โดยเฉพาะ สิวอักเสบ ผิวลอก ที่เกิดขึ้นซ้ำๆจนรักษาหายยาก นอกจากปัญหาสิวแล้ว อีกปัญหาที่กวนใจไม่แพ้กันก็คือปัญหาผิวลอกแห้ง และบอบบางจากผลข้างเคียงจากการรักษาสิว
สิวอักเสบ
สิวอักเสบ คือ สิวอุดตัน ที่มีเชื้อแบคทีเรียเข้ามาเจริญเติบโตอยู่ในตุ่มสิว และก่อให้เกิดอาการอักเสบ เชื้อแบคทีเรียนี้ชื่อว่า P.acne กระจายบริเวณรอบๆ ตุ่มสิว ร่างกายจึงพยายามใช้เม็ดเลือดขาวกำจัดเชื้อแบคทีเรีย และสิ่งแปลกปลอม กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ จนกลายเป็นสิวอักเสบขึ้นมา ซึ่งสิวเหล่านี้ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี อาจกลายเป็นสิวอักเสบที่รุนแรงและก่อให้เกิดแผลเป็นได้ โดยสามารถแบ่งประเภทของสิวอักเสบได้ตามขนาดและความรุนแรงออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
สิวตุ่มนูนแดง (Papule) สิวอักเสบขนาดเล็กและยังไม่รุนแรง ขนาดไม่เกิน 5 มม เป็นสิวชนิดหนึ่งที่เป็นตุ่มยื่นขึ้นจากผิว สิวชนิดนี้จะไม่มีหัวไม่มีรูเปิดเหมือนสิวหัวดำ ลักษณะจะเป็นตุ่มแดงมีการอักเสบโดยรอบ ถ้าสัมผัสโดนจะไม่มีอาการเจ็บใดๆ แต่ถ้าไม่รักษาจะเติบโตเป็นสิวอักเสบที่มีขนาดใหญ่ขึ้น สิวตุ่มนูนแดง ไม่ควรบีบหัวสิวออก เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อ และเกิดแผลเป็นได้ เป็นสิวอักเสบระยะเริ่มต้น รักษาด้วยการทำความสะอาดใบหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและงดสครับใบหน้า
สิวตุ่มหนอง (Pastule) เป็นสิวอักเสบที่เริ่มรุนแรงขึ้น ลักษณะเป็นตุ่มแดงนูน มีหัวสีขาว และมีอาการปวด ขนาดใหญ่กว่าสิวอุดตัน ประมาณ 5-10 มม. มีหลายชนิด บางชนิดจะพัฒนาจะสิวตุ่มนูนแดงก่อน ฐานสิวจะมีสีแดง ตรงกลางของสิวจะเป็นหนอง สีขาวนูนขึ้นมา สิวอักเสบแบบหัวหนอง มีอาการแดงๆ รอบหัวสิว ใช้เวลาหายประมาณ 2-6 สัปดาห์ ไม่ควรบีบ ควรรอให้สิวปะทุออกมาเอง ในขณะที่เป็นสิวชนิดนี้ ควรดูแลด้วยการล้างหน้าให้สะอาด และแต้มยาที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย วันละ 2-3 ครั้ง
สิวหัวช้าง (Nodule) สิวอักเสบแดงแบบก้อนลึก ใหญ่ แข็ง อักเสบ มีขนาดตั้งแต่ 5-8 มม. ขึ้นไป บางครั้งเป็นการรวมตัวกันเป็นแพ หายช้าและมักทำให้เกิดแผลเป็นตามมา จับแล้วรู้สึกเจ็บ ข้างในแข็งเหมือนมีไต เป็นสิวขนาดใหญ่ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย จะมีอาการปวดและทรมานมาก หากปล่อยไว้อาจกลายเป็นฝีหนอง ควรพบแพทย์ผิวหนัง ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาด้วยตนเอง
สิวซีสต์ (Cyst) เป็นสิวอักเสบที่มีขนาดใหญ่ มักมีขนาดใหญ่ได้หลายเซนติเมตร ลักษณะเป็นหนองปนเลือด มีอาการเจ็บร่วมด้วย พบได้ไม่บ่อย ภายในสิวจะมีความนุ่มเพราะมีหนองและเลือดอยู่ มักก่อให้เกิดแผลเป็น เป็นสิวที่รุนแรงที่สุด ถึงแม้รักษาจนหายแล้ว จะกลายเป็นแผลก้อนนูนหรือหลุมสิวขนาดใหญ่ ด้วยความรุนแรงและรักษาได้ยากกว่าสิวแบบอื่น ควรรับการรักษาจากแพทย์เท่านั้น
สาเหตุสิวอักเสบเกิดจากอะไร ?
Seborrhea คือ การผลิตน้ำมันของต่อมไขมันในผิวมากเกินไป เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ฮอร์โมน สภาพอากาศ ยาบางชนิด พันธุกรรม เป็นต้น
Hyperkeratosis คือ การที่ผิวหนังชั้นนอกสุด (Stratum corneum) เกิดการหนาตัวขึ้นผิดปกติ เนื่องจากเกิดการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วผิดปกติ ทำให้เกิดการอุดตันท่อต่อมไขมัน และส่งผลรบกวนการไหลของน้ำมันออกมานอกผิวหนัง
Microbial colonization คือ แบคทีเรียที่เจริญเติบโตอยู่บริเวณรูขุมขน (Propionibacterium acne) เป็นสาเหตุให้สิวอุดตัน เกิดการอักเสบ บวมแดง หรือเป็นหัวหนองขึ้นมา
Inflammation คือ กระบวนการอักเสบของร่างกาย ทำให้เกิดสิวบวมแดงและอักเสบขึ้น ในกรณีที่เป็น Severe acne การอักเสบจะขยายและลึกลงไปในบริเวณเนื้อเยื่อที่อยู่ใกล้เคียงมากขึ้น
ยาทาเฉพาะที่ ที่ใช้ในการ รักษาสิว มีหลายกลุ่มด้วยกัน เช่น ยาปฏิชีวนะ ซึ่งจะออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว แต่เนื่องจากถ้าใช้แต่เพียงตัวเดียว อาจทำให้เกิดการดื้อยาได้ จึงควรใช้ร่วมกับยาทาในกลุ่มอื่นๆ จะช่วยลดสิวอุดตันและลดการอักเสบของสิวได้ และยาในกลุ่มวิตามินเอ ซึ่งจะช่วยลดการเกิดสิวอุดตันและช่วยทำให้สิวอุดตันที่เกิดขึ้นแล้วหลุดลอกออกไปได้โดยง่าย ยาทาเฉพาะที่ส่วนใหญ่จะมีผลข้างเคียงทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง อาจทำให้เกิดรอยแดง แห้งหรือลอกได้ ดังนั้นจึงควรทาบางๆ และเริ่มใช้ในปริมาณน้อยๆ ก่อน ถ้ามีอาการระคายเคืองให้หยุดยาดังกล่าว แต่ถ้าไม่มีอาการแสบหรือแดงก็สามารถทายาปริมาณมากขึ้น หรือทายาแล้วทิ้งเอาไว้นานขึ้นก่อนจะล้างออกได้
คลีนซิ่งวอเตอร์ ใช้ทำความสะอาดเครื่องสำอางโดยเฉพาะเครื่องสำอางกันน้ำ มีส่วนผสมของไมเซลลาร์ ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและแมคอัพกันน้ำที่ล้างออกยาก ช่วยให้หน้าขาวกระจ่างใสขึ้น ด้วยสารสกัดที่อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง ไม่แสบตา เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ไม่มีน้ำหอมและไม่มีส่วนผสมของพาราเบน สามารถเช็ดฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ได้อย่างหมดจด ช่วยลดการอุดตันบนผิว ลดอาการแพ้อาการคัน โดนไม่ทำให้ผิวแห้งตึงอีกด้วย
ผิวลอก นอกจากจะสร้างความรำคาญใจและส่งผลต่อความสวยงามแล้ว ยังถือเป็นปัญหาผิวหนังที่ควรรักษา เพราะหากปล่อยไว้อาจเรื้อรังได้ ทั้งนี้ การรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ผิวลอกจะช่วยให้รักษาได้อย่างตรงจุดและหายเร็วยิ่งขึ้น
อาการผิวลอก คือภาวะที่ผิวหนังชั้นนอกสุดหรือหนังกำพร้าหลุดลอกออกมา ส่งผลให้ผิวหนังมีลักษณะแห้งแตก รวมทั้งอาจมีอาการแดงหรือคันร่วมด้วย ซึ่งอาการผิวลอกนี้เกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย และอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้
สาเหตุผิวลอกเกิดจากอะไร ?
1.อาการผิวลอกเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่โดยทั่วไปมักเกิดจากผิวไหม้จากแสงแดดผิวแห้ง การเกิดแผลตามผิวหนัง น้ำกัดเท้า หรือมีเล็บขบ นอกจากนี้ ผิวลอกอาจเกิดจากปัญหาผิวหนังต่อไปนี้
2.สาเหตุจากอาการภูมิแพ้ ได้แก่ โรคผิวหนังอักเสบจากการแพ้ ปฏิกิริยาจากการแพ้หรือการใช้ยาบางชนิด
3.สาเหตุจากการอักเสบ ได้แก่ โรคผื่นภูมิแพ้ ผิวหนังโรคเซบเดิร์ม(Seborrheic Dermatitis) โรคผื่นแพ้สัมผัส ผื่นผ้าอ้อม เป็นต้น
4.สาเหตุจากการติดเชื้อ เช่น โรคกลาก
5.สาเหตุจากภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติ ได้แก่ โรคสะเก็ดเงิน โรคไลเคนพลานัส (Lichen Planus)
การรักษาอาการผิวลอกนั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง ซึ่งส่วนใหญ่การใช้ครีมบำรุงผิวจะช่วยแก้ปัญหาได้ในเบื้องต้น แต่หากเกิดจากอาการแพ้และไม่รุนแรงมากนัก การหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นการแพ้จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้ ทั้งนี้ หากไม่แน่ใจว่าแพ้สารชนิดใด ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด การติดเชื้อบริเวณผิวหนัง ที่สำคัญควรรักษาความสะอาดของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ผิวหนัง ทั้งนี้ หากเป็นคนที่มีผิวแห้งอยู่แล้ว ควรทาโลชั่นเพื่อคงความชุ่มชื้นของผิวหนังเป็นประจำ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการอาบน้ำและสระผมด้วยน้ำอุ่น เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้งและส่งผลให้ผิวลอกได้
10 เคล็ดลับห่างไกลสิว
ทำความสะอาดร่างกายและใบหน้าทุกวัน แต่ระวังไม่ควรล้างหน้าบ่อยหรือขัดถูผิวหน้ามากเกินไป เพราะจะทำให้ผิวหนังเสียสมดุล การล้างหน้าควรล้างเพียงวันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น ยกเว้นช่วงที่เสียเหงื่อจากการเล่นกีฬา ออกกำลังกาย หรือช่วงที่คิดว่าผิวหนังสกปรก
ลดอาหารประเภทของทอด ของมัน ของหวาน เพิ่มการรับประทานผักผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารรสหวานจัด
หลีกเลี่ยงแดดจัด และทาครีมกันแดดที่ไม่อุดตันรูขุมขน ป้องกันการเกิดสิวอุดตัน
ออกกำลังกาย
พักผ่อนให้เพียงพอ
ทำจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ อย่าเครียด ซึ่งความเครียดเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
หลีกเลี่ยงแดดจัด เนื่องจากยาบางชนิดอาจทำให้ผิวหนังไวต่อแสง หากใช้ยาประเภทนี้ควรทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดเป็นประจำทุกวัน
ควบคุมความมันของใบหน้า ด้วยกระดาษซับมัน ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว
ดื่มน้ำเยอะๆ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวและขับของเสียจากร่างกาย
เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ซักผ้าห่ม เป็นประจำทุกสัปดาห์
การ รักษาสิว ที่ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงเหล่านั้นคือต้องเลือกครีมบำรุงที่อ่อนโยนไม่ส่งให้เกิดผลข้างเคียงแต่ขณะเดียวต้องช่วยลดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นตอของสิวด้วย ปัจจุบันการรักษาแบบดังกล่าวสามารถทำได้ด้วยการใช้สารในกลุ่ม Hydroxy acid เช่น AHA BHA และ ล่าสุดคือ PHA
ทุกคนมีโอกาสเป็นสิว จึงควรทำความเข้าใจกับสิวแต่ละประเภท รวมไปถึงการดูแลรักษาสิวเบื้องต้น เพราะถ้าดูแลไม่ถูกวิธี อาจมีผลกระทบต่อผิวหน้าในระยะยาว
สิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม ควรล้างหน้าให้สะอาดหมดจดทุกครั้ง บำรุงหน้า หมอง จากสิ่งสกปรกบนใบหน้า อย่างอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว
อ่านเพิ่มเติม ได้ที่ สิวอักเสบ ผิวลอก
ติดตามอ่านบทความดีๆ ได้ที่ beautymustknow.com
กันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/ website : Kandabeauty.com
Comments